วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

Pan's Labyrinth (2006) นิทานบนโลกความจริง



Drama | Fantasy | War

Pan's Labyrinth หนังเรตติ้งดี และได้ยินชื่อมานาน จนได้ประจักษ์กับตัวเองวันนี้
ว่ามันเป็นหนังที่ดูยากนะ = =" จากความคิดมันต้องเป็นโลกแฟนตาซีสดใส เด็กน้อยผจญภัย แต่ไม่ใช่เลย
ข้อเตือน : ใครกำลังจะหยิบหนังมาดูกับแฟน และลูกตัวน้อย ไม่ควรอย่างยิ่ง อเมริกาจัดเรตให้เรื่องนี้คือ R เพราะฉากปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว ปากฉีก หน้ายุบ ยิงระเบิด 

Pan's Labyrinth เล่าเรื่องของเด็กน้อย โอฟีเลีย หนังจากที่พ่อของตนเสียไป แม่มาแต่งงานกับสามีใหม่ ซึ่งเป็น นายกอง ที่ดุดัน แถมยังเป็นฝั่งที่สังหารพ่อแท้ๆของตนอีก โอฟีเลียจึงต้องย้ายมาอยู่ท่ามกลางสงครามของ ทหาร กับฝ่ายต่อต้าน ซึ่ง ณ ดินแดนนี้เอง โอฟีเลีย ได้พบกับนางฟ้าที่จะพาเธอกลับสู่ดินแดนใต้ดิน ที่เธอจากมา

โปสเตอร์หนัง บรรยากาศแอบน่ากลัว แต่ใครจะสังเกตุเห็นถ้าไม่ได้ดูหนังซะก่อน

โลกใต้พิภพในจินตานาการของเด็กน้อย

ขอยืมบทความของคุณ ผมอยากที่จะเชื่อมาเล่าต่อ เขาเขียนได้ดีมากจริงๆ


โลกแห่งจินตนาการนั้นเธอคือเจ้าหญิงที่พลัดพลากจากถิ่นที่อยู่ และหลงลืมเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของเธอไปแล้ว และตอนนี้เธอได้กลับมายังดินแดนของเธออีกครั้ง ได้มาสู่ประตูมิติแห่งสุดท้ายที่สามารถพาเธอกลับไปยังโลกของเธอ เธอได้พบกับเทพารักษ์ แต่เทพารักษ์ (ฟอน) นั้นได้กำหนดไว้ว่า การที่เธอจะกลับเข้าสู่พระราชวังได้เธอนั้นต้องผ่านการทดสอบสามอย่าง
ฟอน เทพารักษ์ในมุมมองของ โอลีเวีย 
ตรงนี้หากมาพิจารณาแล้วจะพบว่าโลกแห่งจินตนาการของโอฟีเรียนั้นช่างหม่นหมอง มืดมัว แม้แต่ฟอนเองก็รูปร่างประหลาดอัปลักษณ์นั่นคงเป็นเพราะ ถึงจะเป็นโลกแห่งจินตนาการของเธอ แต่จินตนาการ (fantasy) นั้นก็มาจากจิตใต้สำนึก (unconscious) ของเธอ ทำให้มันสะท้อนภาพของสิ่งแวดล้อมภาพนอกของเธอ ที่เป็นสงคราม มีแต่ความรุนแรง ก้าวร้าว หม่นหมอง..... 
หากมาพิจารณาแล้ว การที่เด็กสาวคนหนึ่ง”โอฟิเลีย” ที่ชอบอ่านนิยายอย่างมาก ต้องสูญเสียพ่อไป แถมพ่อใหม่ที่เข้ามายังดุ ก้าวร้าว ไม่อ่อนโยน ที่สำคัญดันเป็นฝ่ายตรงข้างที่สังหารพ่อตัวเอง นอกจากนั้นยังต้องย้ายที่อยู่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ยังมีการรบพุ่งกันอยู่อีกต่างหาก และมีแต่ทหารอายุมาก ๆ ไม่มีเด็ก ๆ คนอื่นอยู่เลย ซึ่งสภาพที่อยู่เหล่านี้ ไม่เหมาะสำหรับเด็กโดยสิ้นเชิง ในสภาพที่กดดัน เพื่อนเล่นก็ไม่มี สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายต่อจิตใจ สิ่งเดียวที่น่าจะทำให้เธอเพลิดเพลินใจได้นั้นคือการอยู่ในโลกของจินตนาการ (fantasy defense mechanism)

การทดสอบแรก .... ทดสอบความกล้า
การทดสอบแรกของเธอนั้น เธอต้องเอาหินสามก้อน ใส่เข้าในปากคางคกยักษ์ที่อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และเอากุญแจทองคำออกมาจากท้องของมัน 
การที่เธอต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเธอนี้ สิ่งแรกที่จะทำให้เธออยู่รอดได้นั้นคือความกล้า กล้าที่จะต่อสู้กับความยากลำบาก ต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ต่อสู้กับกัปปิติน (พ่อใหม่) ที่ดุร้ายกับ และอีกสิ่งที่หนึ่งที่เธอต้องต่อสู้ในความคิดของเธอนั่นคือ การที่ไม่มีใครเชื่อในเรื่องที่เธอเล่าเลย แม้แต่แม่ของเธอและเมอซิเดสส์ที่คอยบอกว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีจริง เป็นแค่ความเชื่อ และจินตนาการอันไร้สาระของเธอ

การทดสอบที่สอง ..... ทดสอบความยับยั้งชั่งใจ
การทดสอบที่สอง เธอต้องเดินเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งที่มีปีศาจน่ากลัวอยู่ เธอต้องเดินเข้าไปข้างในไขกุญแจตู้ ๆ หนึ่งเพื่อเอากริชทองออกมา โดยที่ระหว่างทางที่เดินไป บนโต๊ะอาหาร จะมีของกินมากมาย เธอต้องไม่แตะต้องมัน .....
หากมาวิเคราะห์แล้ว เราจะพบว่าวันก่อนตอนกลางคืน หลังจากที่เธอไปทำภารกิจแรก จนชุดตัวสวยที่แม่เธอให้ใส่ เปื้อนโคลนอย่างยับเยิน จนเธอถูกแม่ทำโทษให้อดอาหารเย็น เมื่อมองด้านทฤษฏีของ Freud แล้ว Freud บอกว่าจิตใจมนุษย์มีสามส่วนคือ id, ego ,superego กล่าวง่าย ๆ id นั้นคือแรงขับด้านความต้องการและความรุนแรง ego นั้นเป็นตัวควบคุมจัดการกับ id ไม่ให้แสดงออกมามาก superego คือส่วนที่เป็นคุณธรรมและศีละรรม
กลับมาที่โอฟีเรีย การที่เธอถูกอดอาหาร ทำให้จิตใต้สำนึกเธอย่อมปรารถนาอยากที่จะกิน เป็นความอยาก .... ทำให้ในจินตนาการนั้น เธอสร้างของกินขึ้นมามากมาย ซึ่งภารกิจนั้นเธอจะถูกสั่งให้ห้ามกินของทุกอย่าง (เหมือนที่แม่เธอสั่ง) และเมื่อเธอหักห้ามใจไม่ได้เธอก็ถูกปีศาจไล่ล่าทำร้าย ซึ่งปีศาจนั้นก์คือตัวแทนของจิตใจส่วนที่ดีงาม (superego) ของเธอที่บอกว่าควรที่จะทำตามที่ผู้ใหญ่บอก ถ้าหากฝ่าฝืนแล้วก็จะถูกลงโทษ


การทดสอบที่สาม ..... ทดสอบศีลธรรมความดีงาม และการเสียสละ
ภารกิจที่สามของเธอคือการเอาน้องชายของเธอ ไปมอบให้ฟอนเพื่อให้ฟอนทำพิธีสังเวย เพื่อที่โอฟิเลียจะได้กลับไปสู่โลกของเธอได้
หากมาพิจารณาดูแล้ว เราจะพบว่าก่อนหน้านี้ โอฟีเรียนั้น ได้ยิน กัปปิตัน (พ่อใหม่ของเธอ) พูดกับหมอว่า ยังไงซะหากการตั้งครรค์มีปัญหา ถ้าให้ต้องเลือก ให้เลือกให้ลูกรอดก่อนแม่ ..... และในตอนหนึ่งที่แม่เธอตกเลือด ต้องนอนพักอยู่นั้น เธอได้ไปพูดกับน้องว่า “น้องรัก น้องทำให้แม่ป่วยหนักมาก เมื่อน้องจะออกมา พี่ขออย่างเดียวเท่านั้น จงอย่าทำร้ายแม่ของเรานะ” “ถ้าน้องทำตามพี่ พี่สัญญาว่าจะพาไปอาณาจักรของพี่ พี่จะให้น้องเป็นเจ้าชาย” แต่การที่เมื่อแม่ของเธอคลอดแล้วแล้วเสียชีวิตนั้น ย่อมทำให้เธอเสียใจมาก ..... ความเสียใจ และความโกรธนี้ทำให้ภายในจิตใต้สำนึกนั้น id ที่มีความก้าวร้าวรุนแรงนั้น โกรธแค้นจนอยากให้น้องตาย (เรียกว่าเป็น death wish) ทำให้ในจินตนาการของเธอออกมาเป็นการนำน้องชายไปทำพิธีสังเวย (คือทำให้ตาย) โดยฟอนในภารกิจสุดท้ายนั้นเป็นสัญลักษณ์ (symbolic) ของความปรารถนาอันชั่วร้ายของเธอ
แต่สิ่งที่ต่อต้านความปรารถนาลึก ๆ ของเธออยู่นั่นก็คือ จิตใจส่วนที่เป็นศีลธรรมและความดีงาม (superego) ภารกิจสุดท้ายนี้จึงเป็นการต่อสู้กันเองภายในจิตใจของเธอ ระหว่างความปรารถนาอันรุนแรงความชั่วร้าย (ซึ่งแทนด้วยตัวฟอน) กับศีลธรรมอันดีงามของเธอ (แทนด้วยตัวของเธอเอง) ..... ซึ่งท้ายที่สุด เธอก็เป็นผู้ชนะ เธอเลือกที่จะทำตามศีลธรรมอันดีงามของเธอเอง ยอมที่จะเสียโอกาสในการเข้าปราสาทที่เธอต้องการ เธอยอมที่จะเสียสละ ......... เธอเลือกที่จะส่งน้องชายคืนให้กัปปิตัน ก่อนที่เธอจะถูกยิงล้มลง .... การเลือกที่จะทำความดีนั้นย่อมทำให้จิตใจรู้สึกดี และมีความสุข ....... นั่นส่งผลให้จินตนาการก่อนเสียชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสุขสงบ .... เธอได้กลับไปยังปราสาทของเธอ ได้อยู่กับพ่อ แม่ ประชาชนตบมือให้การยอมรับในตัวเธอ ท่ามกลางอาณาจักรแห่งความสุข แม้ว่าในชีวิตจริงเธอจะเสียชีวิตก็ตามที 
แมลงตัวน้อยที่กลายเป็นนางฟ้า

โลกความเป็นจริงที่โหดร้าย 
คนที่ดีๆกับเธอที่สุด เมอร์ซิเดส สายลับของฝ่ายต่อต้าน
Pan's Labyrinth IMDB : 8.4/10
                        Rotten Tomatoes : 95%
                        Makopoto : 8/10 การผสานโลกจินตานาการ กับโลกความจริงทำได้ดี อารมณ์ร่วมของคนดูก็ทำได้ดู เราทั้งลุ้นทั้งกลัวไปกับเรื่องราวของทั้งสองโลก แต่เนื้อหา สารที่ต้องการส่ง อาจจะเข้าถึงยากไปหน่อย ทำให้หนังเรื่องนี้ ถ้าคนดูไม่เก็ท ไม่คิดลึก(มากๆ) มันคงจะเป็นหนังภาพสวย เนื้อเรื่องโหด ธรรมดาไป

3 ความคิดเห็น: