วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

American Psycho (2000) : สุดท้ายเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นจริงหรือคิดไปเอง



American Psycho (2000)

Director: 

Mary Harron
Crime | Drama 

IMDB : 7.5/10
Rotten Tomatoes : 67%

คริสเตียน เบลล์ รับบทเป็น แพทริค เบทแมน ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม หน้าที่การงาน ฐานะการเงิน หน้าตาในช่วงกลางวันเขาเป็นผู้บริหารบริษัท พี แอนด์ พี บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น กลางคืนเขาเป็นมนุษย์ผู้กระหายเลือด 

หนังเรื่องนี้คือการตามติดชีวิตของ เบทแมน ไปเจอสังคมที่มีการแก่งแย่งชิงดี ขี้อิจฉา ต้องการความสมบูรณ์แบบ และความจิตหลอนของพระเอก หนังเรื่องสร้างมาเมื่อปี 2000 แต่การจิกกัดสังคมผ่านหนังเรื่องนี้ก็ยังคงสืบมาต่อเรื่อยๆ 

แพทริค เบทแมน ในบทบาทผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
ฉากร่วมเพศกับโสเภณี 2 คนที่เบทแมนค่อยส่องกระจกดูความสมบูรณ์แบบ
ของตัวเองตลอดเวลาขณะปฏิบัติภารกิจ

แพทริค เบทแมน ในวัย 27 ปีเขาก็เพียบพร้อมในทุกอย่างแล้ว หน้าตา ฐานะ การเงิน สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขากลายเป็นบุคคล Profectionist ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในทุกอย่าง ทำให้เขารังเกียจสังคม ดูถูกคน และ รู้สึกอิจฉา ถ้าใครคนอื่นมีสิ่งที่ดีกว่าตน 
- Profectionist เบทแมนที่ต้องดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ด้วยเครื่องสำอางค์หลาย 10 ชนิดในฉากเปิดตัว การอาบน้ำ 3 รอบ พอกหน้า 3 ชั้น การไม่ให้มีสิ่งของวางออกนอกระเบียบ ห้องของเบทแมนที่มีระเบียบเรียบร้อย เปิดโล่งไม่มีสิ่งของวางให้เกะกะสายตา และ ห้ามใครมาวางของไม่ถูกที่(อย่างในฉากที่จีนรับประทานไอศครีม) 
- ความอิจฉาตาร้อน กับนามบัตรของคนอื่นที่ดูดีกว่า ห้องของคนอื่นที่ทำเลดีกว่า ร้านอาหารมีรสนิมยมมากกว่า จนทำให้ตัวเบทแมนรังเกียจการถูกแตะตัว เพราะเขาจะต้องยืนอยู่บนกว่าคนอื่น


กลุ่มเพื่อนที่บริษัท ที่ต้องคอยแก่งแย่งชิงดีกัน โดยในฉากด้านบนสะท้อนออกมาในรูปแบบรสนิยมผ่านนามบัตรของแต่ละคน ที่จะมีสีตัวอักษร ความหนาตัวอักษร กระดาษ แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเรามองในสายตาคนดู นามบัตรเหล่านั้นทุกใบก็ยังคงสวยงาม ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ในสถานะการณ์จริง เราก็เหมือนกับสถานะการณ์แลกดูนามบัตร เราแข่งขันกันตลอดเวลาอาจจะเป็น มือถือ เสื้อผ้า รถยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย

ฉากวางแผนสังหาร
จิตตก กับฉากแก้ผ้าแบกเลื่อยไล่ฆ่าโสเภณี
เสื้อกันฝน เพลงเพราะ สนทนา กับฉากขวานจาม พอล แอลเลน
ชีวิตกลางคืนของ เบทแมน เหมือนเป็นการระเบิดความเก็บกดในช่วงกลางวัน โดยปลดปล่อยออกมาด้วยความรุนแรงในการฆาตกรรม เริ่มจาก คนจรจัด สัตว์ เพื่อน โสเภณี จนกระทั่ง คนเดินผ่านไปมา
โดยในการฆ่าของเบทแมน เสียงเพลง การพูดคุย SEX เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนเป็นเครื่องเพิ่มความสุนทรีย์ ความบันเทิงให้กับตนก่อนลงมือ 


ในฉากจบของหนังเป็นฉากจบที่หักมุมสุดๆ กับการที่คนดูยังคงต้องถกเถียงกันว่า เหตุการณ์ในเรื่องเป็นเช่นไรกันแน่ เบทแมนลงมือทำจริง หรือ เพียงคิดไปเอง 
โดยความคิดส่วนตัวของเจ้าของกระทู้นี้ เอนเอียงไปทางคิดไปเอง ด้วยปัจจัยดังนี้
1. ฉากผ้าปูพรมที่เบทแมน ไปคุยกับแฟน ภาพเขียนที่ตรงกับเหตุการณ์จริง ถ้าเป็นจริงมันคือหลักฐานที่น่าจะช่วยให้ถูกสืบตามตัวได้เร็วขึ้น (เหมือนเป็นฉากบอกใบ่้)
2. นักสืบในตอนจบหายไปเฉยๆ ทั้งที่ตามสืบจนใกล้แล้ว (สนับสนุนว่าคำพูดของทนายเป็นจริง)
3. หนังสือที่ จีน พบในโต๊ะของเบทแมน ที่เป็นภาพวาดความรุนแรงต่างๆ (น่าจะแสดงถึงความรุนแรงความนึกคิดของเบทแมน เรื่องเล่าเรื่องความคิดในตอนเบทแมนวาดภาพ)
4. เหตุการณ์ทั้งหมดถ้าเกิดขึ้นจริง เมืองนั้นคงน่ากลัวมาก ที่ตำรวจไม่รู้ เพื่อนบ้านไม่รู้ถึงการกระทำที่โจ่งแจ้งของ เบทแมน ไม่ว่าจะการลากศพไปทิ้ง(ทิ้งคราบเลือดเป็นทาง) แขวนศพไว้เต็มห้อง ถือเลื่อยไฟฟ้าไล่ฆ่าคนในตึก แถมเที่ยวบอกใครต่อใครว่าตนคือฆาตกรต่อเนื่อง

 Makopoto 8/10 เนื้อหาของเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ฉากโหดร้ายที่พบเจอได้ตลอดช่วงกลางของหนัง ใครจิตอ่อน ไม่ชอบหนังแนวเครียด โหด หลีกเลี่ยงไว้จะดี แต่ใครที่ชอบต้องหามาดูให้ได้ครับ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น