วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

LOOPER (2012)


LOOPER (2012)

ความรู้สึกของหนังคล้ายกับ Inception ตรงที่
1.ตอนจบปล่อยให้คนคิดต่อ
2.ตัวอย่างดูแล้วไม่ได้บอกแนวทางของหนังได้เท่าไหร่
3.เนือหา แนวคิด อัดแน่นเต็มเอียดมากับฉาก แอคชั่น

โดยหลังดูจบ ความรัก อนาคต การตัดสิน คือ 4 เรื่องที่อยากพูดถึง
1.ความรัก - ความรักเป็นพลังที่ทรงพลังแม้ตัวแทนของมันจะเป็นสีชมพู น่ารักหวานแหวว แต่ในความน่ารักมันก็มีด้านมืดของมัน คือ การยึดติด หลง อยู่กับความรัก และมันช่างทรงพลังไม่แพ้กัน

2. อนาคต - อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เชื่อว่า มีหลายคนที่อยากรู้อนาคตและไม่อยากรู้พอๆกัน ที่อยากรู้เป็นเพราะเราอยากโกง ถ้ารู้ว่าทำนี้แล้วเก่งจะได้ทำอย่างนี้ไปเลย ถ้าทำอย่างนี้แล้วไม่รอดจะได้ไม่ทำ การรู็อนาคตก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันและ อนาคตนั้นก็เปลี่ยนไปอยู่ดี

3.การตัดสิน - บางครั้งเราก็หลงลืมไปตัดสินคนรอบตัว เขาต้องเป็นอย่างนี้ เขาต้องเป็นอย่างนั้น เธอต้องทำอย่างนี้ซิ ต้องไม่ทำแบบนั้นนะ เพราะเราลืมไปว่าเขานั้นมีสิทธิ์เลือก แม้จะเป็นตัวเราในอดีต ก็มีสิทธิ์เลือกชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ให้ตัวเราในอนาคตมาสั่ง

4.สภาพแวดล้อม - ประเด็นนี้คล่ายกับหนังเรื่อง Chronicle ที่พูดถึงเด็ก ที่เปลี่ยนแปลงไปในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญ

และในตอนจบ หลายคนเถียงกันว่าจะเป็นยังไงต่อ ก็คงต้องบอกว่า ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปเตอะ

*** คำที่ปิดบนโปสเตอร์หนังฉบับไทย "เขาถูกตัวเองในอนาคตตามล่า" ต้องเปลี่ยนเป็น "เขาต้องตามล่าตัวเองในอนาคต" น่าจะถูกต้องกว่า

IMDB : 8.2
Rotten tomato : 93%

ARGO (2012) เบื้องหน้าเบื่องหลัง ใครเล่าจะรู้


ARGO (2012)
หนังสารคดีที่อิงจากเรื่องจริง ของหน่วย CIA ที่ต้องเข้าไปช่วยตัวประกันชาวอเมริกัน 6 คนที่ติดอยู่ในการประท้วงในประเทศอิหร่าน โดยการปลอมตัวเข้าไปแสร้งถ่ายภาพยนตร์

2 ชั่วโมงใน ลิโด้
แม้ตัวเอกจะเป็นสายลับ แต่เนื้อหาไม่ได้สนุกสนาน ตื่นเต้น แอ๊คชั่น เหมือนหนังสายลับที่เรารู้จักกันโดยทั่วไป ที่มีรหัสเป็นชื่อบ้าง ตัวเลขบ้าง อะไรบ้าง

หนังจู่โจมคนดูด้วยความเครียด และความจริงจัง (สถานะการณ์ในหนังถ้าฉายก่อนหน้านี้ซักปี 2 ปีคงโดนแบนในประเทศเราแน่นอน) การประท้วงที่รุกรามเป็นความรุนแรง

หนังเดินเนื้อเรื่องเริ่มจากต้นเหตุของการประท้วง ไปจนเหตุการณ์ที่เริ่มบานปลาย การวางแผนเข้าช่วยเหลือของหน่วยงานรัฐ การลงพื้นที่จริง และ จบโดยการเล่าถึงเหตุการณ์จริงและรูปภาพจากเหตุการณ์ประกอบ (เพราะฉะนนั้นจอดำแล้วอย่ารีบออกจากโรง)

ความเครียมจริงจังของหนัง ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เครียดที่สุดที่ดูมาในรอบปี แม้จะมีมุขตลกบ้างบางช่วงแต่ไม่ได้ทำให้ความเครียดหายไป แค่ลดแผ่วลงนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ความเครียดของหนังทำได้ดีจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถานะการณ์ที่ผู้ประท่วงบุกจู่โจม
ความหวาดระแวง การหลบภัยที่ต้องอยู่อย่างๆหลบๆซ่อนๆ จนถึง ภาษาการสื่อสาร
การที่ถูกคนใส่สุดทหาร หน้าตาดุดัน มีอาวุธอยู่ในมือ ตะโกนโฮกฮ้ากอยู่ตรงหน้าด้วยภาษาที่ไม่รู้จัก แม้จะบอกว่า "ฉันรักเธอ เธอน่ารักจัง จุบุจุบุ" แต่เมื่อไหร่ไม่เข้าใจ ความกดดันก็พร้อมเข้าถาโถมเพราะตัวเราคิดว่าแมร่งเล่นตูแน่

แต่หนังจากอเมริกาก็ไม่พ้นอวยประเทศตัวเอง พยามยามพูดถึง มนุษยธรรม ความเป็นเสรี การปฏิบัติ และการยกย่องคนทำความดี หนังพูดถึงสิ่งดีๆของอเมริกาแทบทั้งหมด แล้วโยนความผิดไปให้ทางอิหร่าน ทั้งทีต้นเหตุของเรื่องราวเกิดจากการ แทรกแซงเข้าไปปลดประธานาธิบดีของอิหร่าน แล้วแต่งตั้งกษัตริย์ไปปกครองแทน (ให้เดาน่าจะเป็นเพราะผลประโยชน์จาก ทองคำสีดำ)
จนประชาชนต่อต้าน ขับไล่กษัตริย์ และประท้วงขอให้ส่งผู้กระทำความผิดกลับมาลงโทษ

แต่ถึงกระนั้นกระนี้ เรื่องจริงเบื้องหลังก็ไม่มีใครรู้ แค่เรื่องในประเทศเราเองเรายังไม่รู้ความจริงเลย จะไปถามหาถึงอิหร่าน สหรัฐ ของเรื่องหลายสิบปีก่อนก็ไกลเกินไป
ขอแค่บทเรียนจากเรื่องเก่าๆ ส่งข้อคิด เป็นแนวทางต่อคนรุ่นใหม่ ถึงการอยู่ร่วมกันได้ แม้เห็นต่าง เท่านี้ที่ประวัติศาสตร์จะทำได้ก็พอ

IMDB : 8.2
Rotten tomato : 94%