วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความสุขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

ความสุขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

*** หนังสือที่ผมชอบที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา สำหรับทุกคนที่วนเวียนอยู่กับโลกออนไลน์ ออฟไลน์ ผมว่าทุกคนต้องลองอ่าน สำหรับเนื้อหาเนื้องเรื่องขอให้ผู้เขียนได้อธิบายหนังสือของเขาเองดีกว่า***



0. ในโลกที่เปลี่ยนแปลง ความสุขของชีวิตก็เปลี่ยนไป - ในยุคสมัยที่เราเปลี่ยนมือถือทุกปี ทั้งๆที่ยังใช้งานได้ , ยุคที่คนยอมเสี่ยงตายเพื่อผิวขาว , ยุคที่เรามีอะไรต้องรีบบอกต่อผ่านทวิตเตอร์, ฟอร์เวิดเมลล์ หรือบีบี โดยไม่ทันจะตรวจสอบ , ยุคที่เรานิยมความหมายของ คนดี แต่ก็สับสนว่าจริงๆแล้วคนดีควรเป็นอย่างไร , ยุคที่ facebook หรือ twitter กำลังกลืนกินชีวิตแล้วกำลังเปลี่ยนแปลงบางอย่างในจิตใจคน , ยุคที่เราเกาะติดข่าวสารมากเกินไป จนบางครั้ง ทำให้ทุกข์เกินจริง เพราะวนเวียนกับข่าวสารเดิมๆแต่เปลี่ยนเวอร์ชั่นจนเครียดซ้ำไปซ้ำมา , ยุคที่เราทุกข์กับข่าวสารที่ดราม่าคล้ายๆกับละคร จนอินแล้วมองข้ามความเป็นจริง , ยุคที่การคิดต่าง สร้างความรุนแรงถึงตัดเพื่อนหรือฆ่าฟัน , ยุคที่ น้ำเปล่า อาจจะมีมูลค่าสูงเพราะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นยาวิเศษ แต่เราก็ยอมเสียตังค์ , ยุคที่ไม่ต้องให้ใครถามว่าอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ เพราะเราเป็นคนบอกเอง 
1. สิ่งที่ทำให้เราขุ่นเคืองใจที่สุดในหน้า facebook หรือในวงสนทนา คือ การเห็นเพื่อน , คนรู้จัก ฯลฯ แสดงความ สะใจ ดีใจ กับการสูญเสีย หรือใช้คำที่กด เหยียด ดูถูก 

หลายคนตัดเพื่อน เพราะเหตุการณ์นั้น คิดว่าเพื่อนตัวเองเลวร้าย ไร้เมตตา ไม่มีความเป็นมนุษย์ และที่น่าหดหู่ที่สุดคือคนสนิทหรือคนในครอบครัวต้องมาทำร้ายหรือฆ่ากันตาย 

ความคิดที่ถูกถ่ายทอดผ่าน ตัวหนังสือไม่กี่ตัว กับ คำพูดไม่กี่ประโยค นำไปสู่เรื่องเลวร้ายกว่าที่ควรจะเป็น 

*****
ทุกวันนี้ เราชินชากับความรุนแรงและเก็บสะสมความรุนแรงในใจมากขึ้น จากการอาศัยอยู่ในสังคมที่ข่าวสารโดยเฉพาะการเมือง เคลือบด้วย 'ความรุนแรง ความโกรธ ความเกลียดชัง' 

เวลาฟังปราศรัยหรือดูข่าว ก็จะเห็นรูปแบบการนำเสนอแบบหวือหวาดราม่า เนื้อหาที่พูดอาจจะเป็นความจริงหรือประเด็นที่ถูกต้องชอบธรรม แต่แทนที่จะพูดถึงเฉพาะประเด็นนั้น ก็สอดไส้ความเกลียด ดูถูก เหยียดหยาม

หรือแทนที่จะโจมตีเน้นประเด็น ก็ไปโจมตีบุคคลที่ฝั่งตรงข้ามให้ความนับถือ ด้วยคำพูดในเชิงส่อเสียดหรือตั้งฉายาให้กลายเป็นตัวตลก พยายามสร้างอารมณ์ร่วมให้กับมวลชนพวกเดียวกัน พอๆกับ เพิ่มความเกลียดชังให้กับมวลชนที่คิดต่าง

พออยากให้ฝั่งตรงข้ามเปิดใจรับความจริงอีกด้าน แทนที่จะใจเย็นๆพูดถึงเนื้อหา ก็เลือกจะนำเสนอแบบตัวเองเหนือกว่า ใช้คำหมิ่นหยามอีกฝั่ง ที่อาจหมายรวมถึงพ่อแม่พี่น้องของเขาที่มีความเชื่อแบบนี้มานาน ชวนให้โกรธจนไม่อยากรับฟัง ( เช่น “ปล่อยพวกโง่ๆแบบนี้ตาบอดกันต่อไปเถอะ” ฯลฯ)

***
การใช้สื่ออินเตอร์เน็ตโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้ สัญชาติญาณดิบของมนุษย์ขาดการกลั่นกรอง เป็นการส่ง id ออกมาโดยที่ superego ยังไม่ทันจะทำงาน

ข้อเขียนหรือความเห็นที่ออกมาท่ามกลางบรรยากาศร้อนระอุ ไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดว่า ใครเลวกว่าใคร หรือ ใครไร้มนุษยธรรมกว่ากัน เพราะอย่าลืมคิดถึงตอนที่เราอารมณ์ร้อน เราก็ทำในสิ่งที่เราไม่คาดฝันได้เสมอ 

แล้วเมื่อใจเย็นลง เริ่มมีสติ มองย้อนกลับไป เราก็รู้สึกเสียใจในการกระทำนั้นๆ

***
เมื่อไม่พอใจเพื่อนหรือคนสนิทที่คิดต่าง ถอยห่างออกมาชั่วคราวย่อมเป็นการดีกว่า อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอีกฝ่ายว่าชั่วหรือเลวร้ายแล้วไปตัดความสัมพันธ์

ให้โอกาสอีกฝ่ายได้เรียกสติกลับคืนมา ให้โอกาสเราได้ใจเย็นลง

อย่าให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม มีอิทธิพลมากเสียจนมาทำลาย ความสัมพันธ์ดีๆที่เราเคยมีกับเพื่อนหรือคนใกล้ตัวมายาวนานเลย

เพื่อนที่เรามองว่ามันเลวร้าย ไม่มีความเป็นคน แท้จริงแล้ว เขาก็ยังเป็นคนเหมือนกับเรา แต่ถูก ความเกลียดชังและความโกรธแค้นเข้าครอบงำ 

ยิ่งความรู้สึกเหล่านั้นถูกปลูกฝังมามาก มันก็ยิ่งฝังรากลึกอยู่ในใจ แม้แต่เราเอง ก็อาจไม่รู้ตัวว่า เพื่อนของเรา ก็มองเห็นเราเป็นแบบนั้นเหมือนๆกัน

และ ถ้าวันหนึ่งที่เรื่องราวเหล่านี้สงบ เมื่อถอดหัวโขนของสีที่สวมใส่ เราก็จะเห็นเพื่อนคนเดิม เหมือนที่ เพื่อนเห็นเราคนเดิม โดยที่ไม่ต้องเสียใจในสิ่งที่เคยทำร้ายกันเพียงเพราะ ความเชื่อที่แตกต่าง


... บางส่วนของบทความ'จะอยู่อย่างไร ถ้าไม่รักกัน' ในหนังสือ 'ความสุขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้' มีให้ทุกท่านติดต่อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอสั่งผ่านที่เคาเตอร์ของร้านนั้นๆได้เลยเน้อ

เขียนไว้จากประสบการณ์ตรงที่เห็นคนเป็นเพื่อนกัน คนรักกัน ต้องมาตัดเพื่อน มาทำร้าย มาเข่นฆ่ากัน เพียงเพราะความคิดต่างที่อ่านผ่านตัวหนังสือ เขียนไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และเชื่อว่า น่าจะใช้ต่อเนื่องไปได้อีกหลายปี

2. เราอาจจะคิดว่าเรารู้จัก friend ของเราดีจากสิ่งที่เขาเปิดเผย แต่ ความจริงคือ ต่อให้เจ้าของ facebook เปิดเผยตัวเองมากแค่ไหน แต่ถึงที่สุดแล้ว มันก็คือ ตัวตนในส่วนที่เขาอยากนำเสนอให้ friend รู้จัก 

เจ้าของ facebook คนที่เลือกรูปแก้มป่องตาโต หรือ คนที่ใช้รูปกระเซอะกระเซิงลงรูปโปรไฟล์ ไม่ได้แปลว่า ใครจริงใจใสซื่อกว่า แต่แปลว่า นั่นคือ ภาพที่เจ้าตัวอยากให้คนที่เข้ามาได้เห็น

ไม่ว่าจะเป็น info , status หรือ comment ล้วนแล้วแต่เป็น การสร้างตัวตนในแง่มุมหนึ่งจากแง่มุมชีวิตนับสิบ ซึ่งมีทั้งส่วนตัวตนจริงและส่วนแต่งแต้ม 

ความประมาท หลวมตัวเชื่อทุกอย่างในโลกของ social media เพราะคิดว่า นาย ก. ที่ดูเป็นคนดีมีน้ำใจคอยมาเม้นท์หรือส่งข่าวมากมายในโลก social media จะเป็นคนดีในโลกจริงด้วย นำไปสู่ คดีล่อลวงต่างๆ เช่น ลวงไปมอมทรัพย์ปล้นสวาทผ่าน hi5 หรือ facebook , หลอกเงิน follower ใน twitter จากเจ้าของแอคเค้าต์ชื่อดังที่มีคนติดตามจำนวนมาก ฯลฯ

Halo effect มักจะทำหน้าที่หลอกคนได้ดีเสมอในโลก social media เพราะใน facebook ,blog , twitter ฯลฯ เปิดโอกาสให้เลือกได้ว่าจะนำเสนอตัวเองอย่างไรให้โลกเห็น และแน่นอนว่า ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ย่อมนำเสนอ ภาพดี มากกว่า ภาพที่ขี้เหร่ไม่น่ามอง

... บางส่วนจากบทความในบท 'Facebook + twitter = What’s (happening) on your mind ?' ในหนังสือ 'ความสุขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้' 

หยิบมาโฆษณาบ้างอะไรบ้างพอเป็นน้ำจิ้ม แต่ถ้ายังขายไม่ออก มีแผนต่อไปว่า จะทำการโฆษณาฮาร์ดเซลล์ด้วยการให้ คนเขียนไปทำ planking บนกองหนังสือ

บุกคนสำคัญ

บุกคนสำคัญ

บุกคนสำคัญ ชื่อหนังสือแปลกแต่โดนตามแบบ นิ้วกลม

หนังสือที่จะพาเราบุกเข้าไปตีซี๊กับคนสำคัญของโลก โดยผ่านเพื่อน(ตัวอักษร)

ที่ถูกเล่าผ่านนิ้วกลมๆตามชื่อของเขา

"บุคคลที่มีหนังสือชีวประวัติมักจะมีชีวิตที่น่าอ่าน น่าสนใจ และคนเหล่านั้นมักจะ "ใช้ชีวิต"

ชีวิตที่ถูกใช้มักจะน่าสนใจและเข้มข้น

สำหรับบางบุคคล-ชีวิตของเขาเป็นชีวิตที่เราอยากมีบ้าง

และมีสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านั้นไม่ตั้งใจ

แต่พวกเขามักจะสร้างให้เกิดขึ้นกับเราเสมอ

นั่นคือ-แรงบันดาลใจ

ผมคิดว่า ชีวิตจริงมักเป็นแรงบันดาลใจให้ชีวิตจริง"

ผมอ่านประโยคด้านหลังของหนังสือเล่มนี้เมื่องานหนังสือเดือน เมษาที่ผ่านมา

ก่อนที่จะได้อ่านเนื้อความข้างในมันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

บุคคลสำคัญทั้ง 16 คนที่ยกมามีทั้งที่ผมรู้จัก(คือเคยอ่านประวัติมาก่อน)

ผมอยากรู้จัก(กำลังหาอยู่) และผมไม่รู้จัก(ก็คือไม่รู้จัก)

และเมื่อได้อ่านก็เป็นจริงอย่างที่ นิ้วกลมเขียนไว้ด้านหลังของหนังสือว่า

"ชีวิตจริงมักเป็นแรงบันดาลใจให้ชีวิตจริง"

ชีวิตของทุกคนในนั้นล้วนสร้างแรงบันดาลใจมหาศาลผ่านตัวหนังสือ ผ่านตา ผ่านจมูก ผ่านปากถึงหัวใจ สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปไล่ล่าความฝันของตัวเองต่อ

ถ้าคุณกำลังหาหนังสือดีๆอ่านง่าย เนื้อหาสนุก แล้วได้แรงบันดาลใจก้อนมหึมาละก็

คุณต้องไม่พลาดหนังสือเล่มนี้ครับ บุกคนสำคัญ ของ นิ้วกลม



ถึงคุณนิ้วกลม

สวัสดีครับคุณนิ้วกลม ผมพึ่งอ่านหนังสือ บุกคนสำคัญของคุณจบครับ ผมชอบหนังสือเล่มนี้มากเลย ชอบที่คุณใช้วิธีเขียนจดหมายนำเสนอถึงบุคคลเหล่านั้น ผมเลยอยากลองเขียนจดหมายมาถึงคุณดีบ้าง

ก่อนจะพูดคุยกันผมขอร้องเรียนเรื่องหนึ่งกับคุณก่อนนะครับ คือ ผมตามอ่านหนังสือของคุณทุกเล่มเลยและชอบหนังสือของคุณเป็นอย่างมากครับ คือผมเป็นพวกชอบซื้อหนังสือเก็บไว้อ่านน่ะ ซึ่ง โตเกียวไม่มีขา อิฐ และ M&M มันหาซื้อไม่ได้แล้วในช่วงที่ผมหลงใหลในตัวอักษรของคุณและผมคิดว่าหลายๆคนก็กำลังหาซื้ออยู่เหมือนกัน ผมเลยอยากจะขอให้คุณ นำมาพิมพิ์ใหม่อีกครั้งแล้วผมจะไปซื้อมาเป็นคนแรกๆแน่นอนครับ

ในเนื้อหาของหนังสือ ผมอยากจะบอกว่าแค่อ่านประโยคแรกๆที่คุณเขียนถึง อัลวาโร นีล ก็โดนใจผมไปเต็มๆ คุณเขียนไว้ว่า "ผมคิดว่าคำพูดคมๆ นั้นจำเป็นต้องปล่อยออกมาจากปากของคนที่มีคม มิฉะนั้นมันก็ไม่ต่างกับลมเหม็นที่เผ่นผ่านออกมาจากรูทวารลำไส้ใหญ่" ประโยคนี้แหละครับที่โดนใจผมไปเต็มๆ เพราะตอนนี้คนรอบๆตัวผม มีมากเหลือเกินครับ ที่พยายามพูดคำคมเพื่อให้ตัวเองดีเท่ดูดี แล้วยิ่งอ่านจดหมายที่คุณเขียนถึง คุณอัลวาโร นีล จบ ผมก็เห็นด้วยมากๆกับประโยคขึ้นต้นของคุณที่ว่าเขาน่าจะ ชื่อคุณมีด มากกว่า เพราะคำพูดแต่ละคำของเขามันคมบาดลึกเหลือเกิน

ขอบคุณจากใจครับ

Idea Gets Rich เทคนิคสะกิดสมอง - พงษ์ ผาวิจิตร

Idea Gets Rich เทคนิคสะกิดสมอง - พงษ์ ผาวิจิตร

เนื้อหาด้านในเป็น Note ความคิดการจับประเด็นปนความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของ Blog โปรดใช้วิจารณญารในการชม


Idea Gets Rich - เทคนิคสะกิดสมอง

แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 3 ส่วน
1. ช่วงเกริ่นนำ
2. บุคลิกลักษณะของนักคิดที่ยิ่งใหญ่
3. เครื่องมือสังเคราะห์ความคิด

ช่วงเกริ่นนำ
ลักษณะความคิดของคนแบ่งออกเป็น 4 จำพวก(HBDI)
1. กลุ่มคนชอบคิดเชิงวิเคราะห์ Analytical Thinking 
2. กลุ่มคนคิดเป็นระบบ Sequential thinking (กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มระเบียบจัด)
3. กลุ่มคิดถึงคนอื่นก่อนเป็นประจำ Interpersonal Thinking 
4. กลุ่มคิดสร้างสรรค์ Imaginative thinking
ทั้ง 4 กลุ่มนี้ไม่มีกลุ่มไหนดีกว่ากัน และไม่มีใครเป็นกลุ่มไหนกลุ่มหนึ่งชัดเจน โดยในหนังสือได้ให้กราฟที่แสดงผลการวิจัยเลือกลักษณะนิสัยของคนเอาไว้เป็นรูประฆุังคว่ำคือ 1 นิสัยโดดเด่นน้อย แล้วค่อยๆสูงขึ้น ก่อนจะมาน้อยที่ลักษณะออก 4 ลักษณะในคนๆเดียว ซึ่งส่งที่พบคือ คน 3% เหล่านี้เป็นผู้ประสบความสำเร็จ
โดยหนังสือได้พูดถึงแนวทางการวางรากฐานความคิดว่าในปัจจุบันองค์กรให้ความสำคัญกับการคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creative problem Solving ) 
***แต่หนังสือเล่มนี้ผลิตเมื่อปี 2547 ตอนนี้เหมือนสังคมจะเน้นกลุ่มคิดถึงคนอื่นก่อน มากขึ้นซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มที่จะทำธุรกิจเพื่อสังคม CSR ต่างๆ

โดยรวมแล้วศักยภาพสมองของคนเราไม่ต่างกันหรอก เพราะเราใช้สมองกันแค่ 1-3% เท่านั้นเอง สิ่งที่ต่างกันคือการจัดการความคิด จัดระบบความคิดของเรา ซึ่งเราแต่ละคนนั้นสามารถเป็นอัจฉริยะได้เหมือนกัน 
EX. ริชาร์ด ไฟน์แมนที่ได้รางวัลโนเบลผลการทดสอบของเขามี IQ 122 เท่านั้นเอง

ซึ่งเมื่อเราพูดถึงศัยภาพของสมองเราจะนึกถึง IQ EQ แต่จริงๆศักยภาพของสมองนั้นถูกแบ่งซอยย่อยออกอีกเยอะเป็น
- ด้านการคำนวณ - ภาษา - กายภาพ - มิติ
- ดนตรี - สิ่งแวดล้อม - มนุษย์สัมพันธ์ - ตระหนักรู้ตัวเอง
เมื่อเรารู้ว่าศักยภาพสมองของเราด้านไหนดีเราจะได้พัฒนาไปได้อย่างถูกต้อง โดยในหนังสือก็บอกอีกว่า การที่เราจะคิดอะรใหม่ได้หรือประยุกต์สิ่งใหม่ขึ้นมามันก็มีกระบวนการของมันที่ต้องเริ่มที่พื้นฐานเราต้องมีพื้นฐานที่ดีก่อน 
โดยองค์ประกอบในการพัฒนาความคิดนั้นมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน
1.ลักษณะนิสัยนักคิด
2.เครื่องมือในการสร้างความคิด
3.เทคนิค
เมื่อมีทั้งสามองค์ประกอบครบและใช้ทั้งสามร่วมกันก็จะช่วยให้เกิดการพัฒนาความคิดที่ดี 
TO BE CONTINUE..... 

บทสรุป Final Fantasy III on IPHONE

บทสรุป Final Fantasy III on IPHONE

FINAL FANTASY III (เป็นงานที่เขียนเพิ่มเติมแก้ส่วนที่ผิดของบทสรุปนะครับ)

ถ้ำคริสตัล - หมู่บ้าน อูล
เริ่มที่ถ้ำคริสตัลแห่งลม เดินเข้าด้านในระหว่างทางกำจักก๊อปลินแล้วเข้าด้านในจนสุดพบ Boss เต่ายักษ์ กำจัดแล้วเข้าไปสำรวจ คริสตัลแห่งลม
แล้วไปเข้าจุดวาร์ปออกมาด้านนอกถ้ำ เดินทางลงมาด้านใต้จะพบกับ

หมู่บ้าน อูล 
เข้าไปด้านในหมู่บ้านคุยกับผู้เฒ่าในบ้านจะสามารถเข้าไปเอากล่องสมบัติได้แล้วไปสำรวจหมู่บ้านทางขวาบนจะเจอกับ Arc คุยแล้วเขาแล้วเขาจะวิ่งหนีไป

หมู่บ้านทะเลทราย คาซุส
เราจะมาเจอ Arc หน้าหมู่บ้านและ Arc จะร่วมทีมไปด้วย ซึ่งภายในหมู่บ้านนี้จะเต็มไปด้วยคนถูกสาปเข้าไปในบาร์จะพบกับ ซิด ซิดจะยืนเป็นคนที่ 2 อยุ่ตรงข้างๆบาร์ เมื่อคุยเสร็จเดินออกมาตรงทะเลทรายข้างหมู่บ้านจะได้เรือเหาะมาใช้ ขึ้นเรือเหาะจะเจอกับ Rafia เธอจะเข้าร่วมทีมด้วย ต่อไปเดินทางไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจะพบ ปราสาท ซาซุน

ปราสาท ซาซุน - ถ้ำแห่งแท่นบูชา
มาถึงปราสาท Ingus ที่ยืนอยู่หน้าปราสาทจะเข้าร่วมทีม ปราสาทนี้จะมีหอคอยทั้ง 2 ด้านสำรวจให้ทั่วโดยจะมี ดาบทอง ที่อยู่ที่หอคอยด้านซ้ายชั้นบนสุดควรมีเลเวลประมาณ 8-9 เพราะมีบอสเฝ้าดาบอยู่แล้วเข้ามาส่วนกลางแล้วเข้าพบ พระราชา เขาจะให้ช่วยไปตามองค์หญิงให้ จากนั้นนั่งเรือเหาะมาทางเหนือจะพบกับถ้ำแห่งแท่นบูชา เข้าไปด้านในที่ชั้นที่ 2 จะพบองค์หญิง ซาร่า แล้วเดินทางต่อจนพบทางตัน สำรวจโครงกระดูกจะมีทางไปต่อได้เดินต่อไปเรื่อยๆจะเจอทางไปแท่นบูชาซึ่งจะเจอ Boss จัดการแล้วจะเจอคริสตัลซึ่งเราจะได้อาชีพใหม่
- นักรบ 
- นักเวทย์ขาว 
- นักเวทย์ดำ 
- นักเวทย์แดง 
- ขโมย 
- มองค์ 

เสร้จให้เรากลับไปที่ปราสาท องค์หญิง ซาร่า จะใช้ลูกแก้วลงในน้ำจะทำให้คำสาปทั้งหมดหายไป หลังจากนั้น พระราชาจะขอบคุณและของมาให้เป็นการตอบแทน จากนั้นกลับไปที่ คาซุส อีกครั้งคุยกับ ซิด เขาจะดัดแปลงเรือเหาะให้เราและร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งให้เราขับไปชนกับหินที่ขวางระหว่างภูเขาทางซ้ายเราจะไปหมู่บ้านต่อไปได้

หมู่บ้าน คาน่อน - หมู่บ้านคนแคระ
ที่นี่คือบ้านของ ซิด เมื่อเข้ามาหาข่าวให้ทั่วๆจะพบที่อยู่ของหมู่บ้านคนแคระ เดินทางลงใต้ไปที่นั่นแล้วเข้าไปในหมู่บ้านไปด้านบนลงไปในลำธารแล้วเดินไปตามลำน้ำตรงกอหญ้าทางขวาจะพบ อิเร็คเซอร์ นำกลับไป หมู่บ้าน คาน่อน มาให้ในบ้านด้านบนซ้ายให้คนป่วยเธอจะหายป่วย สำรวตรงเทียนจะพบทางลับเข้าไปในห้องเก็บของเก็บไอเทมออกมาแล้วออกจากหมู่บ้านเข้าภูเขาใกล้ๆ

ภูเขารังมังกร บาฮามุท
เมื่อเข้ามาให้วิ่งไปบนสุดของภูเขา เราจะพบรังมังกร และ เจอ แคท แต่ในขณะนั้น บาฮามุทจะกลับมาโจมตีพอดีให้เราวิ่งหนีอย่างเดียวโลดดดด!!!!

จากนั้นเราจะออกมาอีกทีหนึ่งเดินไปตรงป่าข้างล่างเข้าไปจะพบคนเคราะและได้มนต์ขาว มินิมัม ให้่เราใช้กับทีัมเราทั้งหมด (คำสั่ง ALL) แล้ว้เข้าหมู่บ้านคนแคระ ไปทางบ้านทางซ้ายบนเอายาแก้พิษ(attidote) ให้คนแคระในนั้นกินเขาจะหายและเปิดทางให้เข้าด้านในจนถึงทางออกให้ใช้มนต์ขาวมินิมันอีกครั้ง คืนร่างเดิม ออกจากถ้ำแล้วจะพบ ถ้ำโจรสลัด (จะมีทางลับอยู่ทางซ้ายที่ map ที่มีปืนใหญ่ให้ยิง จะมีของให้เก็บ ลองสำรวจให้ทั่ว)

ถ้ำโจรสลัด - วิหารแห่งเนปต์
เข้าไปตามทางจนถึงทางออกจะพบเรือ (อย่าพึ่งขึ้นเพราะจะเจอมังกรโหดมากตาย100%) ให้ไปที่วิหารแห่งเนปต์ทางซ้ายบนด้านบนของถ้ำโจรสลัดเข้าไปด้านในจะพบหัวมังกรที่ดวงตาหายไป จากนั้นใช้มนต์ย่อตัว มิมนมัม ย่อตัวแล้วเข้าไปในตามังกร (ผมเปลี่ยนเป็น Black mage แล้วใช้เวทย์อย่างเดียว) เข้าไปด้านในจนสุดจะพบเจ้าหนูขี้ขโมยจัดการมันแล้วจะได้ ดวงตามังกร ออกมาเอาดวงตาไว้ที่เดิม แล้วมังกรเนปต์ มันจะหลีกทางให้และเราจะได้เชี้ยววารีมา ตอบแทนมาแล้วนำเรือออกไปใช้ได้แล้ว แล้วล่องเรือไปทางตะวันตกเฉียงใต้จะพบหมู่บ้าน ท็อดกูล

หมู่บ้าน ท็อดกูล – ถ้ำโจรกูลกัน
เข้าไปคุยในบ้านหลังแรกเขาจะเปิดทางลับให้ไปพบกับผู้หญิงที่ขอความช่วยเหลืออยู่จากนั้นออกเดินทางมาทางตะวันตกเฉียงใต้ผ่านทะเลทราย – ป่าโจโกโปะ – หมู่บ้านบรรพบุรุษ เตรียมหาซื้อของให้พร้อมแล้วขึ้นเหนือต่อจะพบปราสาท อาร์กัส เข้าไปเก็บของให้หมดแล้วเดินทางต่อผ่านหุบเขาจะพบถ้ำโจรกูลกัน เข้าไปหานักเวทย์ที่ชั้นบนสุดจะได้ มนต์แปลงร่าง โทโด้ มาจากนั้นเดินทางมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ หอคอยโจวเจิน

หอคอยจักร์กล โจวเจิน
เข้าไปในหอคอยเดินจนสุดจะต้องใช้เวทย์ โทโด้ แปลงร่างเป็นกบก่อนจึงจะเข้าไปได้ขึ้นไปได้ ขึ้นไปเรื้อยๆถึงชั้นที่ 5 จะพบทางตันให้สำรวจให้ทั่วจะเจอทางลับ เดินขึ้นไปต่อเรื่อยๆจะพบ Boss เมดูซ่า ที่มันได้รับคำสั่งจากปีศาจชินเคให้มาทำลายหอคอยนี้ ถ้าหอคอยโดนทำลายหมู่กเาะที่ลอยได้ทั้งหมดจะตกลงทะเลทันที เมื่อกำจัดได้สำรวจที่เตาไฟ ความทรงจำของ แคช จะคืนมาพบว่าเขาคือผู้ปกป้องหอคอยนี้แล้วเขาแยกตัวออกไป

ถ้ำชาวดาร์ฟ - ถ้ำคริสตัลแห่งไฟ
เมื่อเข้ามาคุยกับชาวดาร์ฟจะพบว่าพวกเขาจะขอร้องให้ไปเอาเสามังกรคืนมาให้หน่อย แปลงร่างเป้นกบแล้วไปทางซ้ายจะพบทางลงบ่อน้ำแล้วจะมาโผล่ในถ้ำเข้าไปด้านในกำจัด Boss แล้วจะได้เสามังกรคืนมา แล้วนำมาคืนให้ชาวดาร์ฟแล้วปักลงให้ครบ 2 เสาแต่จะมีปีศาจออกมาแล้วนำทั้ง 2 เสาหนีหายไป ออกจากถ้ำชาวดาร์ฟแล้วไปเข้าถ้ำคริสตัลแห่งไฟสำรวจให้ทั่วก่อนจะได้ดาบน้ำแข็ง แล้วเข้าไปด้านในสุดพบ Boss จัดการแล้วจะได้ เสามังกรทั้ง 2 คืนมาสำรวจที่คริสตัลแห่งไฟจะได้อาชีพใหม่มา
- นายพราน
- อัศวิน
- ขโมย
- นักศึกษา
จากนั้นกลับไปที่ ถ้ำชาวดาร์ฟ แล้วคุยกับพวกดราฟเขาจะให้เข้าห้องสมบัติเพื่อตอบแทนแล้วจะมีคนมาตามให้ไปช่วยพระราชาที่โดนจอมเวทย์ปีศาจไฮน์จับตัวไปจากนั้นเดินทางไปที่ หมู่บ้าน ท็อดกูล

หมู่บ้าน ท็อดกูล - ปราสาท ทอร์กัส
เมื่อเข้ามาจะถูกทหารของ จอมเวทย์ปีศาจไฮน์ จับตัวไปขังคุกในนั้นจะพบว่ามีพระราชาแห่ง ทอร์กัส ถูกขังอยู่ด้วยคุยแล้วใช้เวทย์ มินิมัม รอดผ่านรูออกไปแล้วคืนร่างเดิมไปตามทางเรื่อยจะพบ Boss จอมเวทย์ปีศาจไฮน์ กำจัดแล้วพวกชาวบ้านจะตามขอบคุณแล้วจะวาร์ปมาที่สวนนางฟ้าจะได้ เขี้ยววายุ มาจากนั้นเดินทางมาทางตะวันออกต่อจนพบปราสาท ทอร์กัส เข้าไปคุยกับราชาจะได้ไอเทม ฟันเฟืองแห่งเวลา มาแล้วนำกลับไปให้ ชิด ที่ หมู่บ้าน คาน่อน เขาจะอัพเกรดยานให้กลายเป็น ยานเอ็นเตอร์ไพซ์ แล้วบินออกจากเกาะลอยฟ้าไป จากนั้นบินหาเกาะซากเรือทางขวาบนของ Map แล้วเข้าไปด้านในจะพบผู้หญิงนอนอยู่กดใช้ยาถอนพิษกับเธอ เมื่อเธอหายแล้วจะบอกว่าชื่อ มาเรีย และร่วมทางด้วยจากนั้นเดินทางลงใต้มาจะพบเกาะใหญ่และพบวิหารแห่งน้ำ

วิหารแห่งน้ำ - ถ้ำแห่งน้ำ
เข้าไปด้านในสุดจะเจอเศษคริสตัล พอเราเก็บแล้วกลับออกมามุ่งหน้าไปถ้ำแห่งน้ำเข้าไปด้านในสุดจนถึงห้องเก็บ คริสตัลแห่งน้ำ เมื่อมาเรียเข้าไปใกล้จึงดอกธนูยิงตายและจะพบ Boss ปีศาจปลาหมึก จัดการแล้วสำรวจคริสตัลจะได้
เจ้าแห่ง ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ
อัศวินมังกร
ไวกิ้ง
นักคาราเต้
นักดาบดำ
กวี
ผู้ใช้มอนสเตอร์
จากนั้นด้านนอกจะเกิดแผ่นดินไหวจนเกิดแผ่นดินใหม่ผุดออกมาแล้วทั้งหมดก็สลบไป ฟื้นอีกทีที่หมู่บ้าน อามูล

หมู่บ้าน อามูล
ตื่นมาแล้วเข้าไปพบผู้เฒ่าเขาจะขอให้ไปช่วย 4 ผู้เฒ่าแล้วเดินลงท่อระบายน้ำทางขวาล่างเข้าท่าด้านในจะพบ 4 ผู้เฒ่ากำลังโดนกีอปลินรุมทำร้ายจัดการมันให้หมดช่วยผู้เฒ่าแล้วเข้าด้านในต่อจนสุดจะพบ แม่มดเคริร่า คุยจบทั้งหมดจะวาร์ปออกมาในหมู่บ้านจะพบว่าเรือถูกล่ามโซ่และกุญแจจะอยู่ที่วิหารทองคำทางตะวันออกเฉียงใต้

วิหารทองคำ
เข้าไปด้านในไปที่มุมขวาห้องที่ 2 ประตูด้านในใช้กุญแจเวทย์ไขหรือให้อาชีพขโมยไขเข้าไปก็ได้ที่ห้องที่ 2 จะมีทางลับอยู่จะพบรูปปั้นและกำแพงที่ดูแตกต่างกับที่อื่นเดินเข้าไปจะพบทางลับเข้าด้านในสุดจะพบ คริสตัลทองคำ และพบ Boss กำจัดแล้วมันจะทำลายคริสตัลทิ้งแล้วหนีไปทิ้งกุญแจเอาไว้ เก็บเอากลับมาไขโซ่ที่ล่ามเรือแล้วออกเดินทางต่อทางตะวันออกจะพบ ปราส่าทโรซาเรีย

ปราสาทโรซาเรีย
เมื่อบินผ่านมาจะพบว่ากำลังมีสงครามอยู่จึงโดนลูกหลงยิงเรือเหาะจนตก และตกลงมาท่ามกลางสงคราม สังเกตดูจะพบหมู่บ้านล้อมรอบปราสาท 4 หมู่บ้านให้เข้าซ้ายล่างก่อนเข้าไปในบาร์แล้วคุยกับผู้เฒ่าเขาจะหลีกทางให้เข้าไปในบาร์ด้านในจะพบ เจ้าชายอารูส โดนปีศาจจับตัวไว้จัดการปีศาจแล้วเจ้าชายจะร่วมทางด้วยโดยขอร้องให้ไปช่วยปราบ ปีศาจการูด้า ให้เราไปหมู่บ้านทางขวาบนไปหอคอยชั้นบนสุดจะได้ชุดของนักรบมังกรมา ซึ่งเอาไปสุ้กับการูด้าได้สบาย เดินเข้าไปในตัวปราสาทแล้วเข้าห้องของ อารูส พัก 1 คืนตอนกลางคืนจะพบว่าพระราชาจะหนีปีศาจเข้ามาหาพบ Boss ปีศาจสายฟ้า จัดการแล้วราชาจะตายลงและ อารูส จะครองราชแทนคุยจบแล้วออกมาด้านนอกเข้าหอคอยขวาล่างจะพบพวก กวี 4 คนพวกเขาจะช่วยสร้างยาน อติรุส ให้เพื่อตอบแทนแล้วออกขึ้นเรือหน้าปราสาทเดินทางมาทางใต้จะพบเกาะใหญ่ๆให้อ้อมลงด้านล่างที่มีป่าจะพบ ตำหนักโคก้า

ตำหนักโคก้า
เข้าไปจะพบ โคก้า จะมีของให้เวทย์ให้ซื้อด้วย เข้าไปด้านในจนถึงแท่นเทียนสำรวจเพื่อเปิดทางเข้าไปด้านในจะพบรูหนีให้ใช้เวทย์ย่อตัว มินิมัม เข้าไปจนถึง วงเวทย์ด้านใน โคก้า จะขอบคุรและแปลงยานตอนแรกของเราให้เป็นเรือดำน้ำ ให้กลับไปเอายานลำเล็กแล้วไปที่ตะวันตกเฉียงใต้ของ ปราสาทโรซาเรีย จะพบแหลมให้ใช้เรือดำน้ำดำลงไปจะพบถ้ำ เข้าด้านในจนสุดแล้วจัดการ boss ซะ แล้วจะได้ ขลุ่ยแห่งโนอา

เทวะสถานแห่งกาลเวลา - ถ้ำ อุเน่ - ถ้ำอินบินซิเบิ้ล
จากนั้นให้เราออกมา แล้วบินไปทางเหนือสักเล็กน้อยจะพบทางเข้าไปทางซ้าย และจะพบกับถ้ำตรงกลาง ด้านในจะพบอูเน่ หลับอยู่ ให้ใช้ขลุ่ยโนอา จะทำให้อูเน่ ตื่นขึ้นมา และได้เป็นเพื่อนร่วมทางพร้อมกับเขี้ยวอัคคี จากนั้นให้กลับไปยังปราสาทซาโรเนีย 

แล้วบินไปทางซ้ายเลาะไปตามแม่น้ำด้านบน จะพบกับถ้ำ ด้านในจะมีหินขวางอยู่ แต่ถ้ามีอูเน่ จะสามารถผ่านไปได้ เข้าจนด้านในสุดจะพบเรือเหาะยักษ์ อินริซิเบิ้ล จากนั้นอูเน่ ก็จะจากไป ให้เราใช้เรือเหาะอินริซิเบิ้ล บินไปยังหมู่บ้านอามูล แล้วบินขึ้นเหนือพบกับภูเขาที่เป็นช่อง ๆ ให้เรากระโดดข้ามไปเรื่อย ๆ จนเข้าไปยังถ้ำตรงกลางได้ 

และร่วมทางด้วยออกนอกถ้ำขึ้นเหนือเลาะลำธารเข้าช่องเขาจะพบ ถ้ำอินบินซิเบิ้ล เข้าไปจะพบหินปิดทางอยู่ แม่เฒ่าอุเน่ จะเปิดทางให้เข้าด้านในจนถึงชั้น 8 จะพบเรือเหาะยักษ์อินบินซิเบิ้ล คุยกับคนขับเพื่อออกเดินทาง สำรวจดูจะพบว่าเรือเหาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายจากนั้น แม่เฒ่าอุเน่ จะมอบคริสตัลให้อีก 1 ลูกแลจากไป 
(จะไปบนเกาะลอยฟ้าตรงภูเขาด้านขวาล่างก่อนก็ได้เราจะเจอถ้ำบาฮามุทมีของดีอยู่แล้วพอสู้ชนะบาฮามุทจะได้มนต์อสูรมาด้วย)
จากนั้นบินมาทางตะวันตกบินชนภูเขาแล้วลงล่างจะพบบ่อน้ำในป่าแล้วบินมาทางขวาเข้าไปในช่องเขาจะพบทางตัดให้ใช้เรือเหาะโดดข้ามเขาไป ข้างหน้า 2 ที , ล่าง 2 ที่ ,ขวา 2 ที,ล่าง 1 ที,บน 2 ที,ขวา 1 ที,บน 2 ที,ซ้าย 1 ทีแล้วลง 3 ทีจะพบทางแยก 3 ทางให้เข้าทางตรงกลางจะพบ ถ้ำอันโดกุ

ถ้ำอันโดกุ - ถ้ำโคก้า
ด้านบนของน้ำตกจะพบต้นไม้ลางตาเข้าสู่ถ้ำน้ำตกเข้าไปด้านในจะพบนักดาบดำเข่าไปคุยกับเขาจะได้ดาบมาออกมาแล้วไปทางขวาต่อจะพบ ถ้ำวงกต เข้าไปด้านในจนสุดจะได้ คริสตัลแห่งดินมา ตอนนี้มีคริสตัลครบ 4 อันแล้วจากนั้นกลับออมาขึ้นเรือเหาะอินบินซิเบิ้ลแล้วเปลี่ยนมาเป็นเรืออติรุส เดินทางไปที่ตำหนักโคก้าเข้าทางวาร์ปด้านในจนถึงถ้ำโคก้า เข้าด้านในสุดจะพบ โคก้าและ อุเน่ ซึ่งจะแปลงร่างมาสู้ทั้ง 2 คนจัดการได้จะได้ กุญแจ 2 ดอกที่ใช้เปิดประตูปราสาทคริสตัลได้ จากนั้นออกมาเปลี่ยเป็นเรือ อินบินซิเบิ้ล บินขึ้นเหนือของตำหนักโคก้าจะพบเกาะอีกเกาะและจะพบช่องเขา 4 ช่องที่มีเทวรูปทั้ง 4 ธาตุที่ต้องใช้คริสตัลทั้ง 4 เข้าไปทำลายธาตุด้านในทำลายให้หมดแล้วขึ้นเรือเหาะเดินทางโดดข้ามเขาต่อจะพบ ปราสาทคริสตัล

ปราสาทคริสตัล
เดินเข้าห้องตรงหน้าแล้วจะพบ Boss จัดการแล้วสำรวจผลึกแห่งไฟจะได้อาชีพเพิ่ม
- จอมขมังเวทย์
- นินจา

เดินทางผ่านกำแพงปราสาทเข้าด้านในที่ห้องกระจกด้านในจะใช้กุญแจดกอที่ 1 ที่ได้มาไขเข้าโลกแห่งกระจกได้ ในนี้จะมีอาวุธสุดยอดต่างๆมากมายเก้บให้หมด แล้วเข้าด้านในจะเจอนักเวทย์ขายเวทย์กับมนต์อสูรเสร็จแล้วออกมา ไปทางซ้ายมือจะเจอประตูอีกบานให้ใช้กุญแจไขแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆๆๆจนถึงชั้นบนสุด
จะพบมังกรและกระจกอยู่สำรวจที่กระจก โคก้า จะพาพวกเพื่อนๆทั้ง 5 มาช่วยอีกคือ ชิด, ซาร่า ,แคช , 1 ใน 4 ผู้เฒ่า และ เจ้าชายอารูส แล้วขึ้นไปด้านบนสู้กับจอมจักรพรรด์พอชนะมันจะหนีไป ให้เราตามไปจะเจอจอมจักรพรรดิ์ปีศาจอีกครั้งคราวนี้เราจะสู้มันไม่ได้ อย่าใช้ดาวกระจายละ และเราจะเสียชีวิต

แล้วเพื่อนทั้ง 5 ของเราจะรวมพลังชุบชีวิตเราขึ้นมา ให้เข้าไปยืนในวงกลมสีน้ำเงิน เราจะวาร์ปมาอีกชั้นหนึ่ง แล้วให้เราไปปราบปีศาจทั้ง 4 ทิศให้ได้ก่อน จะมีทางอยู่ 4 ทาง ซึ่งมันจะอยู่ตัวละทาง เมื่อปราบปีศาจในแต่ละทิศได้จะเห็นผลึก ให้สำรวจ จะมีคนที่ถูก

ขังเดินออกมา ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน 4 ทิศ เมื่อกำจัดได้ทั้ง 4 ทิศแล้ว ให้ไปที่ประตูตรงกลาง แล้วจะต้องปะทะกับจอมจักรพรรดิ์ปีศาจอีกครั้ง 
คราวนี้ก็ได้เวลาตัดสินกับจอมจักรพรรดิ์ปีศาจเสียที พยายามกำจัดมันให้ได้ เมื่อปราบมันได้ ก็จะพบกับฉากจบของเกมส์...

Credit : http://www.gconsole.com/forum/show.php?page=topicdetail&pagenum=1&cat=&perpage=15&id=979

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Green Lantern พลังเขียวกู้โลก

Green Lantern พลังเขียวกู้โลก

พึ่งดู Green lantern จบ ไม่แปลกใจกับยอดขายของหนังเรื่องนี้ (ทุนสร้าง 200 ล้าน รายได้ทั่วโลก 220 ล้าน)

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับ ฮาล จอร์แดน อาชีพนักบิน ที่มีคำพูดที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่ออีกทีว่า "ด้วยงานอากลัวไม่ได้" ได้รับแหวน กรีนแลนเทิร์น ต่อจาก อาบิน เชอร์ เพื่อต่อกรกับ พลังชั่วร้ายที่กินความหวาดกลัวซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามต่อทั้งจักรวาล โดยแหวนที่ ฮาล ได้รับจะแปลงพลังไปตามจินตนาการ และ มีพลังมากน้อยขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น

Green Lantern เป็นตัวละครจากค่าย DC Comics เจ้าของเดียวกันกับ Batman Superman ซึ่งตอนนี้ 2 เรื่องหลังไปอยู่ในมือ คริสโตเฟอร์ โนแลน แล้วน่าจะหายห่วงได้ เหลือ Green Lantern ที่ประกาศทำภาค 2 ต่อแต่อาการยังน่าเป็นห่วง

เนื่องเรื่องของหนัง ตอนที่ผมชอบที่สุด และ อินที่สุด คือ ตอนพระเอกขับเครื่องบิน พอหลังจากพระเอกได้แหวน หนังเริ่มมีเสน่ห์น้อยลง และดึงดูดคนได้น้อยลง แม้จะมีฉากโชว์กล้ามและเป้าตุงมาช่วย

ส่วนที่ชอบ ประเด็นเรื่องการยอมรับความกลัว หรือพูดว่าการยอมรับความจริงก็น่าจะได้ ความจริงที่ว่าขณะนั้นเรากลัวอยู่ การที่เรายอมรับความกลัว ความจริงตรงหน้าก็เป็นการแสดงความกล้าเหมือนกัน กล้าที่จะยอมรับแล้วสู้กับมัน ไม่ใช่การเดินหนีปัญหา หรือ อุปสรรคที่จะเกิดต่อไปข้างหน้า

ส่วนที่ไม่ชอบ 1. การเล่าเรื่อง ที่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ความรู้สึกความสัมพันธ์ตัวละคร อย่างที่เห็นชัดคือ ส่วนของ พระเอก นางเอก ตัวร้าย ที่ต้องนั่งนึกเอาว่าเขาคงเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน ตัวร้ายคงชอบนางเอก แต่นางเอกชอบกับพระเอก เลยอิจฉา
2. ความขัดแย้งในเนื้อเรื่อง อย่างตอนแรกบอกแหวนจะคัดเลือกบุคคลที่ไร้ซึ่งความกลัว อันนี้กลัวกันหมด 
อาบิน เชอร์ ที่จับตัวร้ายขังไว้ตอนแรก พอเจอกันอีกทีกลับสู้ไม่ได้เลยและต้องวิ่งหัวกระเจิง
ผู้นำกรันแลนเทิร์น คอร์ป ที่ดูไม่เป็นผู้นำ เริ่มตั้งแต่ดูถูกคนมาใหม่ จนกระทั่งสู้ไม่ได้ อยากเอาความกลัวไปสู้กับความกลัว ขอพลังใหม่จากผู้เฒ่า

*** นางเอกของเรื่อง รับบทโดย Blake Lively น่าจะเป็นผู้ได้พลังของแหวนมากที่สุดด้วยความกล้าไม่เคยกลัว และเข้าใจสัจธรรมเรื่องความกล้าความกลัวอย่างสุดๆ + หุ่น SEXY ของเธอที่ใส่ชุดหนังสีเขียวรัดติ๋วคงน่าดูไม่น้อย

IMDB :6.1/10
Rotten Tomatoes : 27%
ส่วนตัว 5/10 ดูไม่ดูก็ได้ ดูพอเพลินๆ ไม่ประทับใจไม่รังเกียจอะไร


IRONCLAD - ป้อมน้อยเจ้าโลก

IRONCLAD - ป้อมน้อยเจ้าโลก


IRONCLAD - ป้อมน้อยเจ้าโลก
ป้อมน้อยที่สำคัญยิ้งต่อการยึดครองดินแดนอังกฤษตอนใต้ ที่มีผู้เฝ้าอยู้ทั่งสิ้นไม่ถึง 14 คน
หนังเป็นเรื่องราวของ ขุนนางที่ต่อต้านกษัตริย์ชั่ว โดนยึดป้อมน้อยๆหลังหนึ่งเป็นฐานสู้รบ ด้วยกำลังคนประมาณ 20 คน สู้กับกองทัพ ทหารรับจ้างของกษัตริย์จำนวนกว่าพันคน เพื่อรอทางฝรั่งเศษกรีฑาฑัพเข้ามาช่วยเหลือ
ใครคาดหวังว่าจะได้ชมหนังที่พูดคุยวางแผนกลยุทธ์อย่างดีแล้วละก็ ขอบอกว่าผิดหวัง หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชมกันเพลินๆ ดูเลือดสาดพลางๆ มิได้มีแผนลึกซึ่งอย่าง ขงเบ้ง บังทอง ไม่
สำหรับคนที่อยากดูหนังสงครามเก่าๆใช้ดาบใช้ธนู ขออย่าตั้งความหวังมาก ท่านจะไม่ผิดหวัง
ส่วนคนไม่ชอบเป็นทุนรองอยู่แล้วโปรดอย่าหยิบมาดูท่านจะบ่นแน่นอน

**พึงนึกได้ว่ากษัตริย์ในเรื่งงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่อง ตัวกูของกู เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นกษัตริย์และให้ตัวเองต้องเป็นใหญ่ ทุกอย่างในแผ่นดินนี้ก็คือของตน และก็อยากให้คนในแผ่นดินรู้ว่าแผ่นดินทรัพย์สินผู้คนทั้งหมดในแผ่นดินนี้เป็นของกูนะ **

สรุป ดูไม่ดูก็ได้แล้วแต่
IMDB : 6.2/10
Rottentomatoes : 44% 

Source Code - ลิขิตฟ้าหรือลิขิตตน

Source Code - ลิขิตฟ้าหรือลิขิตตน

Source Code - 8 นาทีนี้เพื่อใคร?


เมื่อฟิสิกส์ควอนตัม สามารถทำให้เราเข้าไปยังความทรงจำ 8 นาทีสุดท้ายของคนตาย(เชื่อว่ามนุษย์เมือตายไปแล้ว สมองยังมีพลังงานหลงเหลืออยู่ และบันทึกเรื่องราว 8 นาทีสุดท้ายไว้เหมือนเป็นวีดีโอ(อาจเกี่ยวกับเวลาเราเกิดอุบัติเหตุแล้วเห็นเป็นภาพสโลว์โมชั่น)) ผู้การคอลเตอร์ จึงต้องเข้าไปสืบหาระเบิด และตัวการวางระเบิด เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดกับเมืองชิคาโก โดยผ่านร่างของ คุณครูณอน

หนังพูดถึงเรื่องทฤษฏีโลกคู่ขนานได้ดี พระเอกเมื่อกลับไปในเหตุการณ์เดิมๆทุกๆ 8 นาที สิ่งที่แสดงออกมาของตัวพระเอกทำให้เหตุการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนไป เหมือนกับชีวิตคนเราเมื่อเราตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไปเหตุการณ์ตรงหน้าและอนาคตก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเลือกคุยกับคนนี้ เลือกไปเที่ยวห้าง จนเรื่องใหญ่โตอย่างเรื่องเข้ามหาวิทยาลัย ทำงาน ทุกการตัดสินใจก็ทำให้ชีิวตเราเปลี่ยนไปเช่นกัน
** แต่ในภาพลูกกลมๆในเมืองชืคาโกตอนท้าย มันก็ทำให้น่าคิดว่า มันไม่มีหรอกอดีตอนาคต มันมีอยู่แค่ปัจจุบันเท่านั้นเอง

***อีกประเด็นที่ทำให้น่าคิดกับตอนท้ายของหนัง หรือโลกที่คู่ขนานที่เป็นไปตามการตัดสินใจของเราอาจไม่มี ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันถูกลิขิตไว้แล้ว***

ความเห็นส่วนตัว 10/10 ไปหาเวลาหยิบมาดูซะ
IMDB : 7.6/10
Rottentomatoes : 92% 

Gundam OO The Movie

Gundam OO The Movie


"Peace cannot be kept by force It can only be achieved by understanding "

ประโยคจบของ Gundam OO ที่ผมชอบ และ เนื้อเรื่องทั้งหมดของเรื่องก็ปูมาให้เป็นแบบนี้

สำหรับภาค The Movie ถ้าอยากดูเอามันส์ ผมว่า ANIME มันส์กว่ามาก

แต่ตัวหนังพยายามสื่อเรื่องความเข้าใจระหว่าง 2 ฝั่งของสงครามมากอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่กลางเรื่อง


สิ่งที่ไม่ชอบในเรื่องนี้ 1. บทบาทของเซ็ตซึนะ ดูงงๆ มึนๆ โลกไม่เข้าใจฉัน ฉันไม่เข้าใจโลก ความเท่ ความขรึมจาก ANIME หายไปหมด แต่ตอนจบอยู่ดีๆอยากคิดได้ก็คิดได้ซะงั้น - -

2. ตอนจบ ตั้งแต่ทำสงคราม หรือ ตอนจบหลัง CREDIT ขึ้น ก็ไม่ชอบทั้งนั้น ออกมาจากแกนกลางเอลล์ บึ้มกลายเป็นดอกไม้ สงครามจบ - - แล้วก็มาเจอองค์หญิงของเราตอนแก่ ด้วยร่างแบบวิญญาณกอด ฉันเข้าใจเธอเธอเข้าใจฉัน จบ = =

3. บทของ INNOVATER ร้อยเอกเดสคาร์เทส ชาร์แมน เป็นบทที่ตอนแรกออกมาเท่มาก ตัวสำคัญแน่นอน แต่ไม่มีอะไรเลย โปรโมทความเก่ง เป็น INnovater แท้ๆคนแรก แต่บทเหมือนจะถูกตัดความสำคัญโดน เอลล์อมสบายใจ


สิ่งที่ชอบ
1.เพลงประกอบ ผมชอบเพลงประกอบของหนังญี่ปุ่นมากๆ มันฟังแล้วซึ่่งตรงกับช่วงหนังมากๆ ทั้งๆที่ฟังไม่ออก ในตอนฉากสงครามที่ใกล้จบ พวกพระเอกกำลังจะแพ้ เสียงเพลง + ภาพช่วงนั้นดึงอารมณืสุดๆ แต่ก็ยังไม่เท่า EVANGELION 2.0 เพลงตอนจบที่ดูจบต้องไปโหลตมาฟัง โหลตมาดูในฉากนั้นอีกหลายๆๆๆๆรอบ

2. พันตรีหน้าบาก จำชื่อไม่ได้แฮะ ที่รบพับพระเอกมาตั้งแต่ ANIME ยังคงความเท่ ความเก่ง แบบมนุษย์ธรรมดา ได้สุดยอดเหมือนเดิม



สรุป ถ้าชอบดู Gundam ก็ดูเถอะครับ สนุกดี แต่อย่าคาดหวังเยอะ เพราะหนังเป็นสูตรตายตัวฉบับ Gundam โดยพยายามจะสอดแทรกแนวคิดเรื่อง ความเข้าใจ ลงในบทเยอะๆ 

Saving Private Ryan

Saving Private Ryan



หนังสงครามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา

ที่ทั้ง ลุ้น สนุก เศร้าไปพร้อมๆกับหนัง

ทำให้ต้องเสียพื้นที่โหลตเพิ่มอีก 30 Gb 

เพื่อโหลต The Pacific และ Band of brother มาดูเพราะเป็นลุ่มผู้สร้างชุดเดียวกัน

และ ทุกคนยอมรับว่าเป็นผลงานที่เมพขิงๆ


Saving private ryan เป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำให้ดูทั้งคนที่ชอบหนังสงคราม และไม่ชอบ

ผมให้เป็นหนังสมครามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา ยิ่งฉากยกพลขึ้นปกตอนแรก ที่ทำให้เวลาหยุดไปหลายนาที

(ถ้าเคยเล่นเกมส์ medel of honor ภาคไหนซักภาคที่มีด่านนี้จะอินมากเป็นพิเศษ)


IMDB 8.5
Rotten tomato 91% 

The Fighter 2 แกร่งหัวใจเกินร้อย

The Fighter 2 แกร่งหัวใจเกินร้อย

"บางครั้งสิ่งที่เราทำให้คนอื่นเพราะความรัก มันก็เป็นการทำร้ายเขาโดยที่เราไม่รู้ตัว"

หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ Micky Ward แชมป์เปี้ยนโลกรุ่น Welterweight สมัยยังเป็นนักมวยตกอับที่ต้องฝั่นฝ่าสมรภูมิหมัดบนสังเวียน และฝันฝ่าสมรภูมิชีวิตครอบครัว เมื่อพี่ชาย Dicky Eklund (Christian Bale) ผู้เป็นทุกอย่างสำหรับเขากลายสภาพจากนักมวยชื่อดังผู้เป็นสัญลักษณ์ของเมือง กลายสภาพเป็นไอ้ขี้ยาที่ใช้ชีวิตคลุกอยู่กับกลุ่มเพื่อน และแม่ที่เห็นเขาเป็นต้นไม้เล็กที่ยังต้องการล่มเงาของต้นไม้ใหญ่ก็คือพี่ชายของเขาปกป้องดูแลคุ้มครอง และเชื่อว่าไม่มีใครรักและหวังดีกับลูกชายตัวเองเท่าตัวเองอีกแล้ว จนทำให้ชีวิตของ Micky พังไม่ท่าทั้งบนเวทีและนอกเวที จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับผู้หญิงที่ชื่อว่า Charlene เธอทำให้เขาได้หยุดคิดถึงสิ้งที่คนรอบข้างทำให้กับเขาว่ามันดีจริงเหรอ เธอคอยเป็นกระบอกเสียงให้กับเขาในสื่งที่เขาไม่กล้าพูดจนทำให้ชีวิตของเขาค่อยๆเปลี่ยนไป...



ในภาพยนตร์ผมชอบประโยคที่พระเอกของเรื่องพูดว่า "เธอไม่ได้ชก แม่ไม่ได้ชก ผมต่างหากที่ชก" ในตอนที่พี่ชายของเขากลับมาจากคุก และทุกคนมีปากเสียงกัน จากสภาพของคนขี้เกรงใจไม่กล้าตัดสินใจในตอนแรกเป็นคนที่กล้าพูดกล้ายืนยันความคิดของตัวเองว่าเขาต้องการให้ทุกคนอยู่ ต้องการชาร์ลีนมาคอยเป็นกำลังใจ ต้องการโอลีฟมาช่วยในการซ้อม ต้องการพี่ชายของเขามาบอกเทคนิคและช่วยฝึกซ้อม ใครจะรู้ดีเท่าตัวเขาเองในเมื่อคนอื่นไม่ได้ชก เขาต่างหากที่ต้องออกไปชก



เป็นอีกหนึ่งเรื่องในช่วงนี้ที่ไม่ควรพลาด

*** สำหรับคนที่ต้องการเข้าไปเอาความมันส์ของมวยเพียงอย่างเดียวอาจจะผิดหวัง เพราะแม้ฉากชกบนเวทีจะทำได้สมจริงจนคนดูบางรอบอาจเผลอร้องตะโกนเชียร์ แต่ฉากชกก็ไม่ได้เยอะให้คออยากดูเอามันส์ถูกใจได้



IMDB 8.2/10

Rotten tomatoes 89%

Captain America - First Avenger

Captain America - First Avenger

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากหนัง Captain America 
1. พ่อกัปตันตอนกล้ามโตนั้นทำให้สา​วๆในโรงสนใจหนังมากขึ้นกว่า 67.8% จากช่วงแรกที่เป็นกุ้งแห้งแรงน้​อย
2. มุขตลกของหนังเรื่องนี้ ตลกจริงจัง และจังหวะลงตัวดี
3. การปูเนื้อเรื่อง การเล่าเรื่องทำได้ดี แต่ในช่วงสร้างเศร้าตอนเพื่อนสน​ิทกัปตันตกจากรถไฟและตอนคุณกัปต​ันกำลังจะขับยานโหม่งโลกทำได้ไม​่เศร้าเลยจริงๆนะ
4. ตัวละครที่มีเสน่ห์อย่างมากและข​โมยซีนได้เยอะ ต้องยกนิ้วให้ โฮวาร์ด สตาร์ค พ่อของโทนี่ สตาร์ค ที่จะมาร่วมรบกับ Steve Rogers ใน Avenger
5. ท่านกัปตันที่ดูโครตเก่ง ทำอะไรสำเร็จโดยง่ายไปหมดนั้น มันทำให้ผมอดตังคำถามไม่ได้ว่าต​อนที่ตาย (แบบตายจริงๆตามหนังสือการ์ตูน)​ ทำไมถึงตายง่ายอย่างนั้น
6. กว่าจะได้ดูตัวอย่างหนัง มันนานมากๆ จนก้นยกจากเบาะมาหลาย 10 ที ถึงได้ดูตัวอย่างหนัง Avenger ทีสั้นนิดเดียวแต่น่าเสียตังค์ไ​ปดูมากกก

IMDB: 7.7/10
ROTTEN TOMATOES : 83%

Space Battleship Yamato

Space Battleship Yamato


Space Battleship Yamato - เป็นหนังที่อยากดูมากมากสมัยหนั​งเรื่องนี้เข้าโรงที่เมืองไทย แต่พึ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อวานนี้​เองแบบ DVD เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยื่งที่​ไม่ได้เสียเงินให้กับหนังเรื่อง​นี้ แม้จะยังไม่เคยได้ดูเวอร์ชั่นอน​ิเมะสมัยปี 2517 แต่ความรู้สึกก็บอกว่ามันเป็นหน​ังที่ทำจากอนิเมะที่น่าดูที่สุด​เรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น
ทาคุยะ คิมูระ รับบทเป็น โคได สุสุมุ เป็นดาราคนเดียวในเรื่องที่รู้จ​ักและมักคุ้นจากการดูซี่รี่ย์ขอ​งญี่ปุ่น
และ ต่อจากนี้คือเกร็ดเล็กน้อยที่ได​้จากการดูหนังและหลังหนังจบ
1. ใครจะดูเพราะมันเป็นหนังอวกาศต้​องยิ่งกันมันส์ ไซไฟ เอฟเฟคล้ำยุค ขอให้หยุดไว้ก่อนเพราะจากความรู​้สึกมันคือหนังดราม่าที่เล่าเรื​องราวของคนบน ยานอวกาศที่ชื่อยามาโต้
2. โอกาส และความหวัง คือ 2 สิ่งสุดท้ายที่ควรทิ้งจากชีวิต และเนื้อเรื่องทั้งเรื่องก็มีทั​้งสองสิ่งเป็นแรงผลักดันและจูงใ​จ
3. ดูหนังเรื่องนี้แล้วเห็นสีเชียว​ครั้งหนึ่งจะรู้สึกชื่นใจมากกกก​กกว่าหนังเรื่องอื่น
4. เราไม่มีทางเข้าใจเขานอกจากเราจ​ะไปอยู่จุดนั้นซะเอง เหมือนดั่งที่โคไดในตอนแรกที่ไม​่มีวันเข้าใจการตัดสินใจของกัปต​ันโอคิตะจนกระทั่งเขาต้องมานั่ง​เก้าอี้กัปตันเองเสียก่อน
5. หนังเรื่องนี้ตอนแรกนางเอกไม่มี​เสน่ห์เสียเลยจนกระทั่งช่วงกลาง​ที่อะจะบะระเฮ้ยกับพระเอก ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และตอนจบก็กลับมาม่อยอีกรอบ
6. หนังเรื่องนี้พาฟิวดาวส์ ฟิวอัพ ฟิวดาวส์ ฟิวอัพ บ่อยมาก เหมือนเป็นชีพจรของคนใกล้ตายไม่​พาขึ้นสูงและไม่พาลงต่ำ แต่พาขึ้นพาลงอยู่ตลอดเวลา
7. การทำลายโลก เราอาจไม่ต้องรอให้มนุษย์ต่างดา​วยิงกัมมันตภาพรังสีมาทำลายพืชบ​นโลก มนุษย์เราทุกวันนี้ก็ทำลายกันเอ​งอยู่แล้ว แต่เมื่อใดที่คุณได้ดูเรื่องนี้​แล้ว คุณจะเข้าใจว่าพืชมันมีความสัมพ​ันธ์ทั้งทางกายและทางใจต่อมนุษย​์มาก สีเขียวรูปต้นไม้ใบหญ้ามันความร​ู้สึกที่เบากว่าโครงเหล็กและสาย​ไฟมากนัก เริ่มอนุรักษ์แต่วันนี้ดีกว่าวั​นหน้าต้องย้ายดาวเพราะพืชบนโลกห​มดไป

Meet the robinson - Keep moving forward

Meet the robinson - Keep moving forward

Meet the robinson

ภาคยนตร์อนิเมชั่นของ Disney เมื่อปี 2007 ที่บ้านเราดูจะไม่ดังซักเท่าไหร่ หรืออาจจะไม่ดังสำหรับผมคนเดียวก็ได้
ภายในเรื่องจะพาเราไปพบกับหนูน้อย ลูอิส นักประดิษฐ์ ที่ประดิษฐ์อะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จกับเขาเท่าไหร่ ในตอนที่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกจะออกมาได้เรื่องได้ราวก็โดนตัวร้ายมาทำลายเสียอีก จนทำเอากำลังใจแรงบัลดานใจหายไปหมด จนอยากจะเลิกทำการประดิษฐ์(ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก) จนมีไทม์แมชชีนมาปรากฏต่อหน้าได้ออกไปเจอเหตุผลในอนาคตพบเจอกับครอบครัว Robinson ที่ช่วยทำให้เขากลับมามีกำลังใจแล้วหันกลับมาทำสิ่งที่รักอีกครั้ง

Meet the Robinson เป็นหนังที่มีวลีเด็ดว่า Keep moving forward - จงเดินหน้าต่อไป โดยเนื้อหาของหนังก็ปูพรมมาเพื่อทางนี้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นตอนที่แม่เลี้ยงพูดกับ ลูอิส ตอนที่ลูอิส จะย้อนกลับมาหาแม่ของตัวเองด้วยเครื่องอ่านความทรงจำ หรือ ตอนที่ลูอิสไปอยู่ในอนาคต ที่ทุกคนในบ้านก็ล้วนผลักดันให้เดินต่อไป ไม่มีใครมานั่งกลนด่ากับความผิดพลาดของลูอิส กลับบอกด้วยซ้ำไปว่า ความผิดพลาดเนี่ยละที่สอนเราถ้าเราไม่รู้จักผิดพลาดความสำเร็จนั้นมันก็ไม่มา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนช่วยให้หนังภาพน่ารักๆเด็กๆกลายเป็นหนังที่ไม่ว่าคนวัยไหนก็ดูได้ เด็กดีสนุก ผู้ใหญ่ดูได้แนวคิด
โดยในระหว่างเล่าเรื่องและปูพรมให้กับเนื้อหาหลักหนังก็ไม่ลืมที่จะเก็บประเด็นเรื่องเพื่อน เรื่องคนรอบตัว ในช่วงที่เรากำลังทำตามฝัน ทำสิ่งที่รัก ทำอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรลืมมองคนที่ได้รับผลกระทบกับการที่เราทำสิ่งนั้นด้วย เราไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาล่าฝันอย่างเดียวจนลืมสนใจพ่อแม่พี่น้องคนที่อยู่รอบๆตัว เพราะเราอาจสร้างบาดแผลให้กับเขาไว้เมื่อไหร่ก็ได้

โดยสรุปแล้ว Meet the Robinson เป็นหนังอีกเรื่องที่แนำนำให้หามาดูสำหรับแน่คิดดูและความน่ารักแบบการ์ตูน
ปล. จะมีติดอยู่บ้างก็ตรงตัวร้าย บทมันดูงี่เง่าเกินจะทำใจได้


IMDB: 6.9/10
Rottten tomato : 66% & audience 75%

เมื่อดูจบเราจะพบคน 3 ประเภทในหนัง
1. เจออุปสรรค หรือ ล้มเหลว แล้วโทษตัวเองหมดกำลังใจ (ตัวเอกตอนปัจจุบัน)
2. เจออุปสรรค ล้มเหลวแล้วโทษคนอื่น (ผู้ร้ายใส่หมวก)
3. เจออุปสรรค ล้มเหลวแล้วเดินต่อไป (พระเอกในโลกอนาคต)
คุณเลือกได้ว่าจะเป็นแบบไหน 

Tranformer 3 dark of the moon

Tranformer 3 dark of the moon

หลังจากได้ดู Tranformers 3 - dark of the moon นี่คือสิ่งที่อยากพูดอยากบ่นถึง​หนังเรื่องนี้
1. เปิดฉากที่คำชมถึงระบบ 3D ของหนังที่ทำออกมาได้ดีดูเนีนยต​า และเป็น 3 มิติจริงแทบทั้งเรื่อง โดยที่ไม่ต้องอาศัยของแหลม ของตก ของปา ให้พึ่งออกมาจากจอ ก็รู้ได้ว่า ตูเสียตังค์มาดูหนังแบบ 3D อยู่นะ
2. นางเอกคนใหม่Rosie Huntington-Whiteley เธอ sexy เย้ายวน จนทำผมลืม เมแกน ฟ๊อก ไปเสียสนิท
3. เริ่มบ่นเริ่มที่บทหนัง หลังจากภาคที่แล้วโดยนักวิจารณ์​บ่นแหลกเรื่องบท ภาคนี้พยายามปรับปรุงและยัดเหตุ​การณ์จริงเข้ามาผูกเรื่องไปมาให​้ดูน่าสนใจขึ้น แต่ ประเด็นของหนังดูจะโดดไปมาแม้จะ​ผสมเนื้อเรื่องได้ลื่นไหลไปเรื่​อยๆก็ตาม
4. เจ้า ผงชูรส ของภาคที่ 2 มันกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความสามารถชุบชีวิตไม่จ​ำกัดและหยิบยื่นไปมาได้ โอ้ววววววว (ใครงง มันคือ แท้ง 3 เหลี่ยมๆที่เอาไว้ชุบออโต้บอทนั่นละ)
5. ตอนจบ = = เหมือน ไมเคิลเบย์ จะงบหมด หรือ หมดมุข อยู่ดีๆก็จบไปง่ายๆเฉยๆ แมกกะทรอนตัวโครตร้าย นั่งจำศีลเป็น ฤษี ต้องรอให้นางเอกเดินไปบอกว่าต้อ​งทำอย่างไร จึงโผล่มาจัดการ ผู้เฒ่าหุ่นยนต์ ช่วย ออพติมัส แล้วถูก ออพติมัสเอาขวานจามเข้าให้ไปกระ​บวนท่าเดียว เป็นอันจบศึก และหนังก็จบ 
6. ไม่เกี่ยวกับหนัง แต่เป็นโรงหนัง ผมก็ยังคงเกลียดการไปดูหนังที่ paragon เหมือนเคย ไม่ว่าจะด้วยราคาที่แพงกว่าที่อื่นแล้ว แถวซือตั๋วก็จะยาวอยู่เสมอ และที่สำคัญ ห้องน้ำอยู่ไกลโรงหนังมาก ถ้าปวดอะไรซักอย่างแล้วจะเข้าห้​องน้ำ มั่นใจว่าคุณจะพลาดหนังไปอย่างต่ำ 5 นาทีแน่นอน


และนี่เธอผู้ทำให้ผมลืม เมแกน ฟ๊อก


IMDB : 6.4/10

Rotten Tomatoes : 35% 

hachi หัวใจพูดได้

hachi หัวใจพูดได้



จากเค้าโครงเรื่องจริงสู่จอภาพยนตร์ เจียรนัยได้อย่างงดงามกับสายสัมพันธ์ระหว่างคนกับสุนัข

ฮาชิ : หัวใจพูดได้

ฮาชิ ...ลูกสุนัขพันธุ์อคิตะ ที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ได้ถูกขนส่งขึ้นมากับขบวนรถไฟ ซึ่งไม่มีทราบถึงจุดหมายที่แท้จริงที่เจ้าฮาชิจะถูกนำตัวไปส่ง ระหว่างทางขนย้าย กรงของเจ้าฮาชิได้หล่นระหว่างทาง นั่นเองที่ทำให้ฮาชิได้พบกับศาสตราจารย์ พาร์คเกอร์ วิลสัน และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งสายสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ระหว่างฮาชิและศ.วิลสัน

คำถามที่เกิดขึ้นกับผมหลังดูหนังเรื่องนี้จบคือ
หากผมต้องรอคอยบางสิ่งที่ผมรัก เป็นเวลานาน 10 ปี 20 ปี 30 ปี ..โดยที่ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้น จะกลับมาหาผมหรือไม่ ผมจะทำได้ไหม ?
. . . แล้วคุณหละ ?
แต่สำหรับสุนัขหนึ่งตัว ที่รอคอยคนหนึ่งคน นั้นทำให้ผมได้รับรู้ ว่าความสัมพันธ์ที่เรียกว่าความรัก ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่คนกันคนเท่านั้น แม้แต่สุนัขยังรับรู้ได้ถึงความใกล้ชิด ที่แปรเปลี่ยนเป็นสายสัมพันธ์ที่ยากจะตัดขาดจากกัน
ถึงแม้สุดท้ายบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด จะไม่สวยหรูดั่งในนิยาย แต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้


ถึงแม้ว่าการรอคอย จะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ เหนื่อยหน่ายสำหรับใครหลายๆคน
แต่สำหรับบางคน การรอคอย คือสิ่งที่มีความหมายที่สุด ในชีวิต
หากคุณดูหนังเรื่องนี้จนถึงฉากสุดท้าย ผมเชื่อว่าคุณจะได้กลับมาย้อนมองตัวเอง

ศรัทธาและความหวัง คือสิ่งที่ ฮาชิ ได้มอบไว้ให้แก่โลกใบนี้

คะแนน: 8.1/10 : IMDB 
คะแนน: 55% : Rotten Tomatoes



BY COSMOZ

just do it

just do it

NIKE - Just do it
"หนทางหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก" นักปราชญ์ชาวจีนซักคนเคยกล่าวไว้
ไม่ว่าจะหนทางหมื่นลี้ พันลี้ ร้อยลี้ มันก็เริ่มต้นที่การเดินก้าวแรก
ไม่ว่าความฝันของเราจะเป็นอะไร อยากได้คะแนนเท่าไหร่ อยากเรียนคณะไหน
อยากทำงานอะไร มันก็ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก เริ่มต้นที่วันนี้ ตอนนี้
เริ่มแค่เรา Just do it 

ผมเดินช้าแต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง

ผมเดินช้าแต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง

เย็นนี้เอาเรื่องราว คำคม มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆค่ะ
หลายๆคนชอบมาปรึกษาเรื่องหนูหัวไม่ดี อ่านหนังสือช้า ทำความเข้าใจช้า
หรือ เรียนตามเพื่อนไม่ค่อยทัน
พี่แนนเลยอยากให้ลองอ่านแล้วฟังคำพูดนี้ดูค่ะ
I am a slow walker, but I never walk backwards.
ผมเป็นคนเดินช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง
(อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา)
ใช่ค่ะ ถึงเราอ่านช้า เรียนรู้ช้า แต่เราแค่อย่าหยุดค่ะ เหมือนกระต่ายกับเต่า วันหนึ่งการที่เราทำอะไรเรื่อยๆสม่ำเสมอมันจะส่งผลเองค่ะ สู้ๆนะค่ะ

คำถามสำคัญกว่าคำตอบ

คำถามสำคัญกว่าคำตอบ

คำถามสำคัญกว่าคำตอบ (เชื่อไหมคะ?)
ในตอนเราเด็กๆเราเป็นลูกอีช่างถามทุกคน เชื่อไหม(ถ้าไม่เชื่อลองกลับไปคุยกับเด็ก 7 ขวบดู)
ตอนเด็กเครื่องหมายคำถามของเราจะเต็มหัว?????
แต่พอโตมาเรื่อยๆผ่านการเรียนรู้การเข้าสังคม ระบบการศึกษา
เราจะได้จุดฟูลสต๊อปกลับมา ...... เราจะบอกตัวเองว่าเรารู้แล้ว เราเรียนแล้ว และ บางครั้งเรากลัวที่จะถามเพราะมันอาจทำให้เราดูโง่ แต่ He who asks is a fool for five minutes, but he who does not ask remains a fool forever.
(ถามเขาอาจดูว่าโง่เพียง 5 นาที แต่คนที่ไม่ถามสักทีอาจโง่ไปชั่วชีวิต) ถามเถอะค่ะอย่าไปกลัวเราโง่แค่ตอนนั้นแปปเดียว ดีกว่าโง่ไปตลอดนะคะ
**กลับไปลองสังเกตุแล้วตั้งคำถามดูค่ะ กลับมาเป็นลูกอีช่างถามอีกครั้งดู

ไม่มีผลลัพธ์ใหม่ในการกระทำเดิมๆ

ไม่มีผลลัพธ์ใหม่ในการกระทำเดิมๆ

“We can't solve problems by using the same kind of thinking we used when we created them.” เราไม่มีทางได้ผลลัพธ์ใหม่ๆจากการกระทำเดิมๆ น้องคนไหนกำลังมองหาผลลัพธ์หรือต้องการสิ่งใหม่ๆก็อย่าทำแต่สิ่งเดิมๆนะคะ ออกจากโลกแห่งความเคยชินซะ!!

Change Heart

Change Heart

"A changed life is the result of a changed heart!"-"
ชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นผลมาจากหัวใจที่เปลี่ยนแปลง!" @ThongchaiBSC
จริงค่ะน้องๆการที่เราจะเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนชีวิต มันต้องเริ่มมาจากข้างใน เราต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนทัศนคติค่ะ เมื่อเราเปลี่ยนมุมมองในเรื่องบางเรื่อง เราเปิดใจให้กว้างขึ้น
ชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนตามค่ะ
แต่น้องๆมั่นใจได้เลยนะค่ะ พี่แนนจะยังรักน้องๆเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ

ชีวิตลิขิตเอง น้องตั๊ก

ชีวิตลิขิตเอง น้องตั๊ก

ชีวิตลิขิตเอง ใช่ค่ะชีวิตเรา เราต้องเป็นคนลิขิตมันด้วยตัวเอง คำพูดของน้องตั๊กนั้นสร้างแรงบันดาลใจมากมายเหลือเกินค่ะ น้องเขาพูดไว้ว่า No matter what we born to be, we have right to do the best thing for ourselves. ไม่ว่าเราจะเกิดเป็นอะไรมันไม่สำคัญ พวกเรามีสิทธ์ที่จะเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดได้ (ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกมีอะไรเต้นอยู่ในตัว^^) 


หัวเราะไปกับมัน

หัวเราะไปกับมัน

"หากคุณยอมรับหรือเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ก็จงหัวเราะไปกับมันให้ได้!"
ชีวิตคนเรานะคะมันมีทั้งดีและร้าย วันที่น้องเจอเรื่องราวดีๆที่ดูแล้วมีความสุข น้องคงยิ้มให้กับมันอย่างสบายใจ แต่เมื่อเจอเรื่องร้ายๆนี่ซิเราคงยิ้มไม่ออก ถ้าเรื่องร้ายๆนั้นมันทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง หรือเหตุการณ์ที่เราต้องใช้ใจยอมรับมันอย่างรุนแรง เราคงยิ้มไม่ออกจริงไหมค่ะ ขอให้น้องๆนึกถึงประโยคนี้ไว้ค่ะ
"If you can neither accept it or change it,try to laugh at it!"-A.Brilliant
หัวเราะไปกับมันเถอะค่ะ อีกไม่นานมันก็จะผ่านไปเช่นกัน

ตัดสินใจไม่ยากถ้ารู้จักตัวเอง

ตัดสินใจไม่ยากถ้ารู้จักตัวเอง

"It is not hard to make decisions when you know what your values are!"-การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดหากคุณรู้ว่าค่านิยมของคุณคืออะไร! ประโยคนี้พี่แนนขอมอบให้กับน้องๆทุกคนค่ะ สำหรับน้องๆที่กำลังจะไปเจอทางแยกช่วงขึ้นมหาวิทยาลัย มันคงเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งแรกๆของเราเลย หาตัวเองให้เจอค่ะ เมื่อรู้ว่าคุณค่าเราคืออะไร หาทางแสดงมันออกมา แล้วทางนั้นจะถูกต้องค่ะ สู้ๆนะคะ

การโกหกคือวิธีหนีปัญหาที่ขลาดเขลาที่สุด

การโกหกคือวิธีหนีปัญหาที่ขลาดเขลาที่สุด

"A Lie is a coward's way of getting out of trouble!"
"การโกหกคือวิธีหนีปัญหาที่ขลาดเขลาที่สุด!"
เพราะการโกหกนั่นละที่ก่อปัญหาขึ้นมาเรื่อยๆ
น้องๆหนูๆอย่าโกหกกันนะคะ

จดหมายจากความเหงา - ป๊อด ธนชัย

จดหมายจากความเหงา - ป๊อด ธนชัย 

เพลงนี้เพราะมาก ยิ่งดู MV ยิ่งทำให้เพลงเพราะ
มุมมองกรุงเทพแบบเหงาๆใน MV มันสวยงามเหลือเกิน 
มันคงเป็น อีก แง่งามของความเหงา ความเหงามันทำให้รู้ว่าเวลามีคนอื่นอยู่ข่้างๆมีเพื่อน มีคนรัก มีพ่อแม่ มันอบอุ่นอย่างไร 
ความเหงาทำให้เราเรียนรู้และเติบโตที่จะอยู่ตัวคนเดียว

"หากมองโลกนี้ในแง่ดีสักครั้ง เธอจะรู้ว่าต่อให้เหงามากมายสักเท่าไหร่
ก็ไม่ทำร้ายใคร ให้ต้องถึงตาย สบายใจได้เสมอ" 

 

นิทานเซน เรื่อง ตัวฉัน

นิทานเซน - ตัวฉัน

《善恶正反》



ยังมีพระเซนรูปหนึ่ง เอ่ยปากถามอาจารย์เซนด้วยความสงสัยว่า “อาจารย์ ท่านเคยสอนว่าสมณะนั้น พึงแผ่เมตตาและกรุณาแก่สัตว์ทั้งหลายโดยไม่เจาะจง แต่หากเป็นคนชั่ว แสดงว่าเขาสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เช่นนั้นยังคงต้องชี้ทางพ้นทุกข์ให้เขาหรือไม่?”



อาจารย์เซนมิได้ตอบคำถามในทันที เพียงหยิบพู่กันมาเขียนตัวอักษรคำว่า “ฉัน(我)” ลงบนกระดาษ แต่ตัวอักษรนั้นกลับด้าน แล้วจึงเอ่ยถามศิษย์ว่า “นี่คืออะไร?”

ศิษย์ตอบว่า “นี่คือตัวอักษรตัวหนึ่ง ทว่าเขียนกลับด้านแล้ว”

อาจารย์เซนถามต่อไปว่า “อักษรอะไร?”

ศิษย์ตอบว่า “อักษรคำว่า ‘ฉัน’ ”

อาจารย์เซนจึงถามอีกว่า “อักษรคำว่า ‘ฉัน’ เมื่อเขียนกลับด้านยังนับเป็นอักษรหรือไม่?”

ศิษย์ตอบว่า “ไม่นับ”

อาจารย์ถามอีกว่า “หากไม่นับเป็นอักษร เหตใดเจ้าจึงทราบว่ามันคือคำว่า ‘ฉัน’ ”

“นับ” ศิษย์รีบกลับคำตอบโดยพลัน ทว่าอาจารย์เซนกลับถามต่อว่า “ในเมื่อนับเป็นอักษร แล้วทำไมเจ้าถึงบอกว่ามันกลับด้านเล่า?”

คราวนี้ศิษย์นิ่งงันไร้คำตอบ อาจารย์เซนจึงอธิบายว่า “ตัวอักษรทั้งตัวที่เขียนถูกต้อง และตัวที่เขียนกลับด้าน เจ้าล้วนทราบว่ามันคือคำว่า ‘ฉัน’ ทั้งยังทราบด้วยว่าตัวไหนถูกต้อง ตัวไหนกลับด้าน นั่นเป็นเพราะว่าในใจเจ้ามีรูปแบบคำว่า ‘ฉัน’ ที่ถูกต้องอยู่ แต่ในทางกลับกัน หากเจ้าไม่รู้จักอักษรตัวนี้ เจ้าก็จะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตัวไหนเขียนถูก ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้ารู้จักตัวอักษรที่เขียนกลับด้านนั่นก่อน เมื่อพบเจออักษร ‘ฉัน’ ที่เขียนถูกต้อง เจ้าอาจคิดว่ามันเขียนกลับด้านก็เป็นได้”

Read more: นิทานเซน : อักษรที่กลับด้าน | บล็อกความรู้ | WiseKnow | Knowledge Blog